ลอว์เรนสันเชียร์ลิเวอร์พูลดึงเด็กเก่าทดแทนฟานไดค์

มาร์ค ลอว์เรนสัน ชี้แนะว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ควรที่จะดึงอดีตลูกหม้อของทีมอย่าง คอเนอร์ เคาดี้ เข้ามาร่วมทีม เพื่อทดแทนการขาดหายไปของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์
   
มาร์ค ลอว์เรนสัน อดีตตำนานของ ลิเวอร์พูล เชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของ ‘หงส์แดง’ ควรที่จะดึง คอเนอร์ เคาดี้ ปราการหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เข้ามาร่วมทีม เพื่อทดแทน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ได้รับบาดเจ็บต้องพักยาว

ฟาน ไดค์ ได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณเส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หรือ ACL ในเกมที่บุกไปเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวต้องพักรักษาตัวนานอย่างน้อย 6 เดือน และเป็นผลให้ฤดูกาลนี้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย

โดยทาง ลอว์เรนสัน สนับสนุนให้ คล็อปป์ ดึงตัว คอเนอร์ เคาดี้ กัปตันทีมวูล์ฟส์ ซึ่งเคยเป็นเด็กปั้นของทีมเข้ามา "ผมคิดว่า เฟอร์กิล จะต้องพักไปทั้งฤดูกาล"

"ผมคิดว่าต้องกาชื่อออกไปได้เลยเพราะคุณต้องมีแมตช์ฟิตเนส และเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้ เพราะพวกเขาเล่นให้ทีมสำรองไม่ได้" ลอว์โร่ เผยกับ Argus

"หาก ลิเวอร์พูล จะจ่ายเงินก้อนโตเพื่อใครสักคนตอนเดือนมกราคม พวกเขาก็ต้องการคนที่พร้อมใช้งานได้เลย คอเนอร์ เคาดี้ ถูกพูดถึงมาก และเขาก็เป็นผู้เล่นที่จัดการได้ดี และเป็นคนที่ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก มาแล้วหลายเกม"

สำหรับ เคาดี้ เติบโตมากับ อคาเดมี่ ของ ลิเวอร์พูล โดยลงสนามในนามทีมชุดใหญ่ของ "หงส์แดง" แค่ 2 เกม ก่อนจะอำลาทีมไปอยู่กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ตอนปี 2014 จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับ วูล์ฟส์ และพัฒนาตัวเองจนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ริชาร์ลิซอนยันจังหวะเสียบติอาโก้เป็นอุบัติเหตุ

ริชาร์ลิซอน ออกโรงชี้แจงกรณีที่ไปเข้าเสียบ ติอาโก้ อัลกันตาร่า จนโดนใบแดงในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่ต้นสังกัดเปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา

เอฟเวอร์ตัน ทีมจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก เปิดสนามกูดิสัน พาร์ค เสมอกับ ‘แชมป์เก่า’ ลิเวอร์พูล 2-2 ซึ่งในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 ริชาร์ลิซอน แนวรุกชาวแซมบ้าของเจ้าถิ่นไปพุ่งเข้าเสียบใส่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์ของ ‘หงส์แดง’ จนโดนใบแดงโดยตรง และจากการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ฝั่งทีมเยือนดูเหมือนว่าแข้งสแปนิชจะมีอาการบาดเจ็บจากจังหวะดังกล่าว

ในเวลาต่อมา ริชาร์ลิซอน ได้กล่าวขอโทษผ่านเว็บไซต์ โดยมีเนื้อหาใจยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นพวกนักเตะใช้ความรุนแรง และตนก็ได้ส่งข้อความไปขอโทษ ติอาโก้ แล้ว

"ทุกคนที่รู้จักผมจริงๆ จะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นผู้เล่นใช้ความรุนแรงเลย" กองหน้าทีมชาติบราซิล กล่าว

"สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คืออุบัติเหตุจากความทุ่มเทเต็มที่ ผมไม่ได้จะโต้แย้งนั้นด้วยการเจตนาทำร้าย ติอาโก้"

"เมื่อผมเห็นว่าการปะทะกำลังจะเกิดขึ้น ผมก็รีบยกเท้าตัวเองขึ้นแล้วเข่าผมก็ไปชนกับเขาซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วจากความเร็วของการเล่น"

"ผมส่งข้อความไปขอโทษเขาแล้ว และผมก็มาเปิดเผยต่อที่สาธารณะ ผมหวังว่าเขาจะไม่เจ็บอะไรมาก และทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี"

"ผมขอโทษต่อเพื่อนร่วมทีม, สโมสร และแฟนๆ ของผมที่ผมทิ้งพวกเขาไปในช่วงท้ายเกม"

"น่าเสียดายที่มันไม่มีอะไรที่ผมทำได้เพื่อเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือไปจากการไตร่ตรอง, ทำงาน และก้าวต่อไป"

คล็อปป์เหน็บคาร์ร่าคิดแบบนี้ถึงไม่มีโอกาสทำงานคุมทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล เหน็บแนม เจมี่ คาร์ราเกอร์ ว่าแสดงความเห็นที่ผิดๆ จนทำให้เป็นเหตุผลที่ทำให้ คาร์ราเกอร์ ไม่มีโอกาสมาทำงานคุมทีม หลังจากที่ คาร์ราเกอร์ เหมือนกับจะเคยบอกว่า "หงส์แดง" ทำพลาดที่ไม่เสริมทัพในตำแหน่งกองหลังในตลาดรอบล่าสุด
    เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหน็บ เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของทีมที่เหมือนกับจะเคยตำหนิตนว่าทำพลาดที่ไม่ยอมซื้อเซนเตอร์แบ็กอาชีพในตลาดการเสริมทัพรอบล่าสุด

    ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มขึ้นนั้น ลิเวอร์พูล ตัดสินใจปล่อย เดยัน ลอฟเรน ให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ก็ไม่ได้ซื้อใครมาแทนเลยจนทำให้เซนเตอร์แบ็กอาชีพที่มีประสบการณ์ระดับการเล่นให้ทีมชุดใหญ่แบบต่อเนื่องของพวกเขาเหลือเพียง 3 คน ได้แก่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ "หงส์แดง" ก็ได้รับข่าวร้ายเมื่อ ฟาน ไดค์ มีอาการเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกจนต้องหมดสิทธิ์ลงเล่นเป็นเวลานาน แถมถ้าเลวร้ายที่สุดยังอาจจะถึงขั้นต้องพักทั้งฤดูกาลเลย

    เรื่องดังกล่าวทำให้ไม่นานมานี้ คาร์ราเกอร์ กล่าวระหว่างการทำหน้าที่กูรูของ สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำของเมืองผู้ดีว่าที่จริงแผงหลังของ ลิเวอร์พูล ก็เต็มไปด้วยความน่ากังขามาตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่นนี้แล้ว เพราะแม้ว่า ฟาน ไดค์ จะเป็นยอดกองหลัง แต่รายของ มาติป มักจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ ส่วน โกเมซ ก็ยังดูฟอร์มไม่คงเส้นคงวาเท่าที่ควร พร้อมกระตุ้นให้อดีตทีมของตนต้องเลื่อนมาปิดดีลกับกองหลังที่เป็นแข้งเป้าหมายของทีมตั้งแต่วันแรกของตลาดซื้อ-ขายนักเตะ รอบ 2 ช่วงเดือนมกราคมนี้ให้ได้ ไม่ใช่รอไปเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า

    คล็อปป์ เผยว่า "ตอนแรกเราลงเล่นฤดูกาลนี้โดยที่มีเซนเตอร์แบ็กให้ใช้งานตั้ง 3 คน แถมยังมี ฟาบินโญ่ เป็นอะไหล่ในตำแหน่งนี้ รวมถึงมีดาวรุ่งบางคนที่สามารถลงเล่นให้ทีมได้ด้วย มันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่ทีมของคุณจะมีเซนเตอร์แบ็กระดับโลกอยู่ในทีมถึง 4 คน ถ้าเกิดมีใครอยากบอกว่าเราทำพลาด (ในการไม่ซื้อเซนเตอร์แบ็ก) อย่างเช่น เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่พูดไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ ผมก็คิดว่านั่นคงเป็นหนึ่งในไม่กี่เหตุผลที่ทำให้คนแบบนั้นไม่ได้ทำงานนี้ (การคุมทีม)"

    หลังจาก คล็อปป์ พูดแบบนั้น คาร์ราเกอร์ ก็ชี้แจงทาง ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตว่าตนไม่เคยตำหนิ คล็อปป์ เลยว่าทำพลาดที่ไม่ได้ซื้อกองหลังในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา "ในฤดูกาลนี้ผมยังไม่เคยพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่า คล็อปป์ ทำพลาดที่ไม่ได้ซื้อเซนเตอร์แบ็กด้วยเหตุผลบางอย่างตามที่เขากล่าวอ้าง"

 

อดีตเด็กลิเวอร์พูลเผยตั้งใจอัดเพื่อนเพราะอยากเล่นชุดใหญ่

ทอม บรูวิตต์ อดีตแข้งในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล เปิดอก เคยตั้งใจอัด แดเนี่ยล เคลียรี่ เพราะอยากลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ "หงส์แดง" พร้อมเผย แม้ว่าจะรู้สึกแย่ที่ทำให้เพื่อนเจ็บ แต่ก็ไม่เคยละอายกับการกระทำของตัวเองเลย

ทอม บรูวิตต์ อดีตกองหลังในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่าตนเคยตั้งใจทำให้ แดเนี่ยล เคลียรี่ เพื่อนร่วมทีมเยาวชน "หงส์แดง" ได้รับบาดเจ็บในการซ้อม เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่มากกว่าเดิมในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 ฤดูกาล 2015-16 ที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ เอ็กเซเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2016

ก่อนถึงนัดดังกล่าว เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ส่อแววว่าจะต้องเรียกใช้งานนักเตะจากอะคาเดมี่ในระดับหนึ่ง หลังจากแข้งในทีมชุดใหญ่หลายคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง บรูวิตต์ อยู่ในข่ายที่อาจจะถูกดึงไปช่วยทีม แต่กองหลังชาวอังกฤษก็มี เคลียรี่ เป็นคู่แข่งโดยตรงในเรื่องนั้น

แข้งวัย 23 ปี ที่ปัจจุบันกลายเป็นนักเตะไร้สังกัด เผยในรายการพ็อดแคสต์รายการหนึ่งว่า "ไม่ว่าต้องทำอะไรก็ตามเพื่อที่จะได้ลงเล่น ผมก็ยินดีที่จะทำมัน ต่อให้มันจะเป็นการทำร้ายร่างกายบางคน หรือทำลายความสัมพันธ์ของผมกับเขา ผมก็ยินดีที่จะทำ ผมก็แค่อยากเล่นให้ ลิเวอร์พูล มากๆ ผมต้องการแค่นั้น ผมตัดสินใจขั้นเด็ดขาด มันมีแค่ผมหรือไม่ก็เขาที่น่าจะได้ลงเล่น ดังนั้นผมเลยจ้องเล่นงานเขาในการซ้อม"

"ในการซ้อมทั้งช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส และในช่วงระหว่างคริสต์มาสกับปีใหม่น่ะผมตั้งใจไปยืนข้างๆ เขาทั้งในตอนซ้อมการครองบอลรวมถึงตอนที่แบ่งทีมแข่งกัน และผมก็เตะเขา ผมไม่ได้ถึงขั้นพยายามที่จะทำให้เขาเจ็บหนักอะไรหรอกนะ ผมก็แค่พยายามทำให้เขาเจ็บมากพอที่จะทำให้เขาต้องหมดสิทธิ์ลงเล่น แล้วผมจะได้มีโอกาสลงสนามก็เท่านั้น"

"มันเกิดขึ้นในช่วงก่อนเกมกับ เอ็กเซเตอร์ 1 สัปดาห์ ตอนนั้นเราซ้อมแบบแบ่งทีมฝั่งละ 7 คน ผมจับบอลแรงไปนิดหน่อย (จนทำให้บอลลั่น) แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาเพื่อจะสกัดใส่ผม ผมกะจังหวะรอนานไปนิดๆ แล้วก็พุ่งเข้าใส่เขา มันเป็นการเข้าสกัดที่แย่ ผมรู้ดีว่ามันเป็นอย่างนั้น ผมตั้งใจเข้าสกัดแบบนั้น"

"แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจกับมันเลย แต่ผมก็ไม่รู้สึกละอายใจที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะในหัวของผมมันคิดถึงแค่เรื่องที่ว่ามีแค่ผมหรือเขาเท่านั้นที่จะได้ลงเล่น และสุดท้ายผมก็เลือกตัวเอง หลังจากนั้นมันก็มีการทะเลาะกันนิดหน่อย และผมคิดว่าเขาโดนไล่ออกจากสนามซ้อมเพราะปฏิกิริยาของเขา ซึ่งมันถือเป็นการตัดสินใจ (ของสตาฟฟ์) ที่เหมาะสมแล้วเพราะปฏิกิริยาของเขาอาจจะรุนแรงไปหน่อย ส่วนผมก็ได้ซ้อมจนจบ"

"หลังจากนั้นเขาก็ต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินประมาณ 2 สัปดาห์ มันเลยไม่ได้ให้ความรู้สึกประมาณว่า -ภารกิจสำเร็จ- สักเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่ามันเป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิดนิดๆ เนื่องจากเดิมทีผมไม่ได้อยากทำให้เขาบาดเจ็บเลย ผมแต่อยากให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นก็เท่านั้น"

หลังจากได้ฟังการเปิดใจของอดีตเพื่อนน่วมทีมนั้น เคลียรี่ ซึ่งปัจจุบันเล่นให้ ดันดอล์ค ทีมในประเทศไอร์แลนด์ก็โพสต์ตอบโต้ไปว่า "การดับไฟบนเทียนของคนอื่นมันไม่ได้ทำให้ไฟบนเทียนของแกมันสว่างขึ้นทันที โชคดีโคตรๆ ที่วันนั้นฉันเอาตัวรอดจากการสกัดครั้งนั้นได้โดยที่ขาไม่หักเป็น 2 ท่อน" โดยในเวลาต่อมาทางเจ้าของรายการพ็อดแคสต์ได้ลบคำเปิดใจของ บรูวิตต์ ทิ้งไปจน เคลียรี่ ก็ออกมาโพสต์ตอกกลับทันที

ทั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้ว บรูวิตต์ ก็ไม่ได้ลงเล่นในเกมกับ เอ็กเซเตอร์ อยู่ดี เพราะเขามีอาการกระทบกระเทือนทางสมองในช่วง 4 วันก่อนถึงเกมการแข่งขัน หลังจากไปโขกโดนด้านหลังของเพื่อนร่วมทีมในจังหวะที่พยายามจะขึ้นโหม่งบอล

ก็ได้อยู่! “คล็อปป์” โอเคลิเวอร์พูลเล่นดีพอคว้าชัย

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ชี้ลูกทีมเล่นได้ดีพอกับการเป็นฝ่ายชนะ หลังบุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 พร้อมตำหนิสภาพสนามที่ทำทั้งสองทีมเล่นกันยาก
               เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เชื่อว่า ทีมตนสามารถทำผลงานได้ดีกว่านี้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีพอกับการเป็นฝ่ายชนะ หลัง "หงส์แดง" บุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา

               เป็นเกมที่ทั้งสองทีมต่างเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และสุดท้ายเป็น ลิเวอร์พูล ที่เก็บ 3 แต้มกลับบ้าน จากประตูชัยในนาทีที่ 35 ซึ่งมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของผู้เล่นแนวรับเจ้าถิ่นอย่าง นิโกลัส ตายาฟิโก้

             "ถือเป็นฟอร์มที่ดีพอในการคว้าชัยชนะ นั่นแหละคือสิ่งที่คุณต้องการ แน่นอน ผมคิดว่า ทั้งสองทีมสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ แต่สภาพพื้นสนามมันก็ดูแปลกๆ นะ ทั้งลึกและเต็มไปด้วยโคลน มันทำให้นักเตะเหนื่อยกันเร็ว" คล็อปป์ เปิดใจหลังเกม

คล็อปป์เป่าปาก! อาแจ็กซ์ยิงตัวเอง-ลิเวอร์พูลบุกเฉือนหวิว เปิดหัวชปล.

"หงส์แดง" ฟอร์มเหนียวแน่นทั้งที่มีปัญหาแนวรับ แต่ยังบุกไปคว้าชัยเหนือ อาแจ็กซ์ หวุดหวิด 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ประเดิมสามแต้มแรก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม :  โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า

    เอริค เทน ฮาก เกมนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่จัดตัวเก่งทั้ง ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส และดูซาน ทาดิช ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" มาในสภาพทีมไม่สมบูรณ์หลังแนวรับมีปัญหาลงไม่ได้ทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ และโฌแอล มาติป ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ โจ โกเมซ แทนส่วนแนวรุกยังเป็น 3 ประสานทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

    ครึ่งแรกเริ่มมาได้แค่ 9 นาที เจ้าบ้าน อาแจ็กซ์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง โมฮัมเหม็ด คูดาส เล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ควินซี่ โพรเมส ลงมาเล่นแทน

    นาที 15 อาเดรียน นายด่านของ "หงส์แดง" เกือบทำพลาดหลังออกบอลด้วยเท้าหน้าประตูตัวเองไปติดบล็อคแข้งเจ้าถิ่น แต่ดีที่บอลกระเด้งไปตรงกรอบ

    ก่อนเจ้าถิ่นจะได้เตะมุมในนาทีถัดมา บอลต่อเนื่องจาก ดูซาน ทาดิช เปิดยาวไปเสาไกลให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์แบ็กเทกตัวขึ้นโขกแต่บอลยังไปตรงตัว อาเดรียน

    "หงส์แดง" ได้ลุ้นบ้าง นาที 19 เจมส์ มิลเนอร์ ซัดนอกกรอบแต่บอลก็ไม่ได้ลุ้น อีกนาทีถัดมา เคอร์ติส โจนส์ ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลก็เบาไปเข้ามือ โอนาน่า อีก

    นาที 32 อาแจ็กซ์ พลาดโอกาสลุ้นขึ้นนำ หลัง ดาวิด เนเรส  เปิดบอลให้  ควินซี่ โพรเมส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงติดเซฟของ อาเดรียน

    นาที 35 ประตูแรกของเกมเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่บุกมานำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มิลเนอร์ ทุ่มบอลเข้ามาให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกบอลหลบเข้าปในกรอบก่อนหวดด้วยขวา บอลพุ่งไปโดนขา นิโกลัส ตายาฟิโก้ กลายเป็นเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าประตูตัวเองไป

    นาที 40 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สปีดพาบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาถึงหน้ากรอบก่อนไหลออกขวาให้ ซาลาห์ เลี้ยงตัดเข้าซ้ายข้างถนัดแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย

    นาที 44 "หงส์แดง" เกือบพลาดเสียประตู หลัง ดูซาน ทาดิช หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อาเดรียน กำลังจะเข้าประตูไปแล้ว แต่ ฟาบินโญ่ ยังวิ่งตามไปสกัดบอลบนเส้นอย่างหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา โรเบิร์ตสัน กระชากบอลก่อนเปิดไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกแต่บอลยังไปติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า

    จบครึ่งแรก อาแจ็กซ์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1

    ครึ่งหลังกลับมาบู๊กันแค่ นาที 46 เจ้าบ้านเกือบได้ลูกตีเสมอหลัง ดาวี่ คลาสเซ่น ซัดบอลนอกกรอบผ่านมือ อาเดรียน ไปแล้วแต่ยังไปแม่นเสาอย่างน่าเสียดาย

     เกมแลกกันสนุก นาที 57 ทัพหงส์ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาเข้าหัว ฟาบินโญ่ โหม่งเน้นๆแต่บอลไปติดผู้เล่นเจ้าถิ่นออกหลังหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วันนี้โดดเด่นสุดๆ ครอสบอลไปหน้ากรอบให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นโขกหลุดกรอบออกไป

    ทว่าหงส์บุกเพลินๆ เกือบโดน อาแจ็กซ์ ตีเสมอ นาที 58 บอลสวนกลับของ นูส์แซร์ มาซราอูย แบ็กขวาครอสมาให้ ควินซี่ โพรเมส ยิงเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟของ อาเดรียน ปัดออกหลัง

    นาที 60 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนรวดเดียว 3 คน ถอดสามแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ออกแล้วส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่, ทาคูมิ มินามิโนะ และดีโอโก้ โชต้า ลงไปเล่นแทน

    อีก 10 นาทีถัดมา ทาคูมิ มินามิโนะ เกือบใส่สกอร์ที่สองให้ลิเวอร์พูล หลังรับลูกจาก ชากิรี่ ก่อนตั้งป้อมตะบันไกลเต็มแรงบอลพุ่งจน อ็องเดร โอนาน่า ต้องปัดออกไป

    ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม อาแจ็กซ์ พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล 0-1

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         อาแจ็กซ์ (4-3-3) : อ็องเดร โอนาน่า – นูส์แซร์ มาซราอูย, แปร์ ชูร์ส์,  ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส ตายาฟิโก้ –  ไรอัน กราเวนเบิร์ค, ดาเล่ย์ บลินด์, ดาวี่ คลาสเซ่น – ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส (ควินซี่ โพรเมส น.9), ดูซาน ทาดิช

         ผู้จัดการทีม : เอริค เทน ฮาก

         ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
 
       ผู้จัดการทีม :  เจอร์เก้น คล็อปป์

         ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)

คล็อปป์เผยทำอะไรกับลูกทีมหลังพ่ายวิลล่า

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ระบุ หลังจากพ่าย วิลล่า ยับเยินแล้วนั้น ตนก็ส่งข้อความที่ยาวสุดๆ หาลูกทีม พร้อมบอกว่าพอได้ทำอย่างนั้นแล้วมันทำให้รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ
   
เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เปิดเผยว่าตนพิมพ์ข้อความยาวเยื้อยและส่งหาบรรดาลูกทีมหลังจากที่ "หงส์แดง" แพ้ แอสตัน วิลล่า 2-7 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ถึงแม้ฤดูกาลนี้ วิลล่า จะทำผลงานได้โดดเด่น แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะถึงขั้นชนะ ลิเวอร์พูล ที่เป็นแชมป์เก่าได้ แถม "สิงห์ผยอง" ยังชนะด้วยสกอร์ที่ขาดลอยอีกจนทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูในลีกเป็น 11 ลูก ทั้งที่เพิ่งลงเล่นไปเพียง 4 นัด

คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี สปอร์ต สื่อกีฬาชื่อดังของอังกฤษว่า "คืนหลังจากจบเกมการแข่งขันมันไม่ใช่คืนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แต่พอถึงตอนเช้าผมก็ตื่นขึ้นมาตามปกติ และรู้ดีว่าจำเป็นต้องพูดกับลูกทีมของผม แต่พวกเขาหลายคนไม่ได้อยู่กับทีม (หมายถึงไปรับใช้ทีมชาติ) ดังนั้นผมเลยส่งข้อความที่ยาวสุดๆ ไปให้พวกเขา มันเป็นข้อความที่ยาวมากๆ และเป็นการพูดถึงความคิดของผมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น"

"หลังจากทำอย่างนั้นไปแล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ เพราะมันถือเป็นการระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกไป พอทำแบบนั้นไปแล้วเราก็สามารถลืมอดีตพร้อมเดินหน้ากันต่อได้ และเราก็ทำอย่างนั้นได้จริงๆ ตอนนี้เรามาถึงจุดนี้กันแล้ว และเราก็มีเวลาเพียงพอในการรับมือกับมัน แน่นอนว่าคูณไม่อยากแพ้ และการแพ้ 2-7 มันก็ถือว่าเลวร้ายกว่าเดิมอีก แต่บางครั้งเราก็ต้องแสดงให้เห็นว่ามันสามารถเป็นประโยชน์ได้เหมือนกัน"
 

บอลเป็นเหตุสังเกตได้!สาวเล่นชู้เซ็งผัวคลั่งลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูลเกี่ยวอะไรด้วย !? ซาช่า อิสตรีท่านหนึ่ง เปิดใจเหตุผลที่เธอนอกใจสามีเพราะเบื่อหน่ายที่เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการชมเกมลูกหนังของ "หงส์แดง" จนละเลิกการทำ "การบ้าน" เป็นประจำ ทำให้เธอต้องหาทางออกเพื่อคลายกำหนัดด้วยการเล่นเว็บหาคู่ จนสุดท้ายต้องลงเอยด้วยการมีชู้ แถมไม่รู้สึกผิดเพราะกำลังคิดเล่นชู้กับชายอีกคน เนื่องจากพอลองทำแล้วรู้สึกตื่นเต้นกับชีวิต
               ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดนลากไปเอี่ยวว่าเป็นสาเหตุทำให้ชีวิตครอบครัวร้าวฉาว หลังอิสตรีรายหนึ่งอ้างว่าเธอนอกใจสามีเพราะเบื่อหน่ายที่ฝ่ายชายมัวแต่สนใจดูเกม "หงส์แดง" มากกว่าที่จะทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียง

               ซาช่า วัย 32 ปีซึ่งงานเป็นช่างทันตกรรม เริ่มนอกใจ สตีฟ สามีของเธอที่เป็นสาวก "เดอะ ค็อป" พันธ์แท้ที่มัวไปยุ่งวุ่นวายกับการเชียร์ ลิเวอร์พูล ทำศึกพรีเมียร์ลีก มากกว่าที่จะเปิดสงครามใต้สะดือกับเธอ และตัดสินใจที่หันไปเล่น IllicitEncounters เว็บไซต์หาคู่ในเมืองผู้ดี จนกระทั่งได้สร้างสัมพันธ์สวาทกับผู้จัดการบริษัทไอทีแห่งหนึ่ง

               สาวผู้อาภัพชีวิตคู่เพราะเกมลูกหนัง กล่าวว่า "ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ สตีฟ มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับ เจอร์เก้น คล็อปป์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และนักเตะคนอื่นๆ ของลิเวอร์พูล ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับเรื่องฟุตบอล และถ้าเขาไม่ได้ดูทีวี เขาก็จะออกไปผับพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาเพื่อพูดคุยเรื่องเกมฟุตบอล"

              "มันยิ่งเลวร้ายมากๆ เมื่อปีที่ผ่านมาตอนที่ ลิเวอร์พูล กำลังจะคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี ฉันคิดว่ามีหลายสิ่งที่อาจจะแก้ไขได้ช่วงระหว่างที่ล็อกดาวน์ เมื่อการแข่งขันหยุดแข่งไปสักพัก แต่หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่ตึงเครียดเนื่องจากกังวลว่าฤดูกาลจะถูกยกเลิกหรือไม่"

              "ฉันพยายามอ้อนวอนเขาเพื่อให้เสียสละเวลามาอยู่กับฉันมากขึ้น แต่เขาเอาแต่หมกมุ่นเรื่องฟุตบอล ชีวิตเซ็กซ์ของเรามันค่อยๆ เหือดหายไป และฉันก็ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างอ้างว้างในบ้านเพียงลำพังหลายชั่วโมง"

              หลังจากนั้นเพื่อนของ ซาช่า ซึ่งใช้เว็บไซต์หาคู่ดังกล่าว จนได้แต่งงาน พยายามแนะนำให้เธอลองเล่นเว็บนี้ จนกระทั่งเธอได้รับข้อความถึง 15 ข้อความจากหนุ่มๆ ที่อยากออกเดทกับเธอ โดย ซาช่า เผยต่อไปว่า "ฉันรู้ว่าหากฉันใส่ประวัติของฉันลงไปฉันคงได้รับความสนใจพอสมควร แต่ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันมันน่าเบื่อหน่ายมากๆ และต้องการเปลี่ยนแปลง"

             "แค่ 24 ชั่วโมงที่เข้าไปเล่นในเว็บนี้ ฉันได้รับ 15 ข้อความในอินบล็อกเพื่อขอออกเดท ฉันคัดคนที่ดีที่สุดเหลือแค่ 3 คน และสุดท้ายก็มีเพียง พอล ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทไอที แถมยังอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับฉัน และเขาก็เบื่อหน่ายชีวิตแต่งงานของเขาหลังจากผ่านไป 4 ปี"

            "ไม่รู้ว่าเราพร้อมจะเลิกกับคู่ของเราหรือไม่ แต่เราอยากได้แรงกระตุ้นที่น่าตื่นเต้นจากคนใหม่ๆ เราออกไปดื่มที่ผับ และก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี ภายในไม่กี่สัปดาห์ทุกอย่างก็เรียบร้อย เราไปหลับนอนกันกัน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะได้พบกับ พอล เพราะฉันแอบออกจากบ้านเมื่อไหร่ก็ตามที่ลิเวอร์พูลแข่ง"

            "สตีฟ จะใช้เวลาในการชมเกมแต่ละแมตช์อย่างน้อย 5 ชั่วโมง จากนั้นเขามักจะโพสต์อะไรก็ตามร่วมกับแฟนบอลคอเดียวกันหลังจบเกมอีกหลายชั่วโมง เขาไม่เคยสังเกตเลยว่าฉันออกจากบ้าน ฉันติดต่อกับผู้ชายคนอื่นที่มีเสน่ห์มากๆ ในเว็บไซต์ IllicitEncounters.com และฉันอยากที่จะเริ่มนอกใจครั้งที่สอง เพราะมันทำให้ฉันสนุกตื่นเต้นมากๆ" ซาช่า ระบุ

คาร์ร่าแนะลิเวอร์พูลเลื่อนแผนปิดดีล1แข้งเร็วขึ้น

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังคนเก่งของ ลิเวอร์พูล ระบุ "หงส์แดง" ควรจะเลื่อนแผนมาปิดดีลกับ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เป็นภายในวันที่ 1 มกราคมนี้ หลังจากเดิมทีเชื่อกันว่า ลิเวอร์พูล ให้ความสนใจในตัวเขาและคิดที่จะดึงเจ้าตัวมาร่วมทัพเมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า
   
เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเชื่อว่าอดีตต้นสังกัดของตนควรจะดึง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กองหลัง แอร์เบ ไลป์ซิก มาร่วมทีมให้ได้เร็วขึ้น โดยควรจะทำให้อีกฝ่ายย้ายมายู่กับทีมตั้งแต่วันแรกของตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบ 2 ช่วงเดือนมกราคมนี้เลย

ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเจอกับปัญหาในตำแหน่งแผงหลังจากการที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กคนเก่งมีอาการเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกจนต้องพักเป็นเวลานาน และอาจจะถึงขั้นหมดสิทธิ์ลงเล่นไปตลอดทั้งซีซั่นนี้ ทำให้ตอนนี้เซนเตอร์แบ็กตามธรรมชาติที่พอมีประสบการณ์สูงกับการเล่นในระดับทีมชุดใหญ่ของพวกเขาเหลือเพียง โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป เท่านั้น

สำหรับ อูปาเมกาโน่ นั้น ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ กับที่ ไลป์ซิก จนทำให้หลายทีมสนใจที่จะดึงเขาไปร่วมทัพ อย่างเช่น ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นต้น ซึ่งถึงแม้เจ้าตัวจะต่อสัญญากับทีมไปจนถึงปี 2023 เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่หลายคนก็ยังเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ไลป์ซิก จะยอมขายเขาเมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าอยู่ดี

คาร์ราเกอร์ เผยว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเดิมที ลิเวอร์พูล ต้องทุ่มเทเต็มที่กับการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์หน้า แต่ตอนนี้ไม่ว่าเดิมทีเป้าหมายในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าของพวกเขาจะเป็นใครน่ะ พวกเขาก็ต้องเลื่อนมาเป็นทำให้เสร็จภายในวันที่ 1 มกราคมนี้ พวกเขาห้ามรอไปปิดดีลตอนจบเดือนมกราคมด้วย พวกเขาไม่ควรจะเสียเวลามากเกินไปในการเจรจากับสโมสรอื่น"

"ตอนนี้ทุกคนกำลังพูดถึง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ซึ่งเป็นกองหลังวัยหนุ่มของ ไลป์ซิก ผมไม่รู้ว่าเขามีประวัติที่ดูดีเหมือน ฟาน ไดค์ รึเปล่า และที่จริงเขาก็อาจจะไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องลูกกลางอากาศเท่าไหร่ด้วยจากการที่สูงเพียง 6 ฟุต 1 นิ้ว หรือ 6 ฟุต 2 นิ้ว แต่ถ้าเกิดเขาเป็นคนที่พวกเขาอยากได้มาร่วมทีมแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ควรจะต้องเลื่อนแผนการซื้อเขาให้เร็วขึ้น"

"พวกเขาควรจะต้องยอมเสียเงินเพิ่มแล้วปิดดีลให้ได้ในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น ลิเวอร์พูล ต้องลงเล่นเกมลีก 11 นัดโดยที่ไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คอยช่วยไปด้วย สิ่งหนึ่งที่ควรพูดถึงเกี่ยวกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ก็คือใน 23 เกมหลังสุดของ ลิเวอร์พูล พวกเขาเก็บคลีนชีทได้เพียง 5 นัด และ ฟาน ไดค์ ก็ลงเล่นในทั้ง 23 นัดที่ว่า ดังนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าต่อให้ ฟาน ไดค์ ลงเล่นได้แล้วทุกอย่างมันจะสมบูรณ์แบบ เราเห็นกันแล้วว่าพวกเขาเคยเสีย 7 ลูกในเกมกับ แอสตัน วิลล่า และยังมีเกมกับ ลีดส์ อีก (ลิเวอร์พูล ชนะ 4-3) แต่ผมก็คิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำการเสริมทัพครั้งใหญ่อยู่ดี"

 

ลดให้แล้ว!ชาลเก้ตั้งค่าตัวเป้าหมายลิเวอร์พูล

สื่อเผย ชาลเก้ ยอมลดค่าตัว โอซาน คาบัค กองหลังอนาคตไกล ลงมาไม่แพงแล้ว หลังมีข่าว ลิเวอร์พูล อยากได้ไปเสริมแนวรับช่วงหน้าหนาว
    ชาลเก้ 04 สโมสรในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ตั้งค่าตัว โอซาน คาบัค ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติตุรกี ไว้ที่ 27.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,084 ล้านบาท) ภายหลังจากที่ ลิเวอร์พูล ตามให้ความสนใจ ตามรายงานจาก สปอร์ต มีเดีย เซต เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา

    "หงส์แดง" กำลังมองหาเซนเตอร์แบ็กคนใหม่เข้ามาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมนี้ เพราะ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังคนเก่งต้องพักยาวจากการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร เอฟเวอร์ตัน เข้าสกัดหนักใส่ในเกมลีกที่เสมอกัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา

    รายงานระบุว่า เป้าหมายแรกที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล อยากดึงมาเสริมทัพหน้าหนาวคือ เบน ไวท์ ของ ไบรท์ตัน อย่างไรก็ตาม "เจ้านกนางนวล" ต้องการค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) ทำให้อาจเบนมาที่ คาบัค ที่มีค่าตัวถูกกว่าถึงเกือบครึ่งเลยทีเดียว

    ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา "หงส์แดง" เคยมีข่าวกับ คาบัค มาแล้ว และเวลานั้น ชาลเก้ ตั้งค่าตัวไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) แต่หลังจากที่ "ราชันสีน้ำเงิน" ออกสตาร์ตฤดูกาลย่ำแย่ทำให้พร้อมลดราคานักเตะลงมา โดยนอกจาก ลิเวอร์พูล แล้ว ยังมี เอซี มิลาน ที่ให้ความสนใจอยู่เหมือนกัน

    สำหรับ คาบัค วัย 20 ปี มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง รวดเร็ว และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลัง เรอัล มาดริด นอกจากนั้นยังเป็นนักเตะที่มีความกล้าลุยกล้าแลก ชนไม่ถอยจนถึงกับเคยจมูกหัก หน้าแตกมาแล้ว รวมทั้งมี ฟาน ไดค์ เป็นไอดอลของตัวเองด้วย