สรุปรางวัลสำคัญสมาคมพ่อค้าแข้งอาชีพอังกฤษ

เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ได้รับเสียงโหวตคว้ารางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2019/2020 จากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็กจอมแอสซิสต์ สอยแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครองตามคาด

สำหรับรางวัลทรงเกียรตินี้ 4 สตาร์ ลิเวอร์พูล ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงชัยได้แก่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ เจ้าหนูเทรนต์ รวมไปถึง ราฮีม สเตอร์ลีง สตาร์ แมนฯ ซิตี้ แต่สุดท้าย เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ซึ่งยิงไป 13 ประตู และทำอีก 20 แอสซิสต์ คว้ารางวัลนี้ไปครอบครอง
 
ในส่วนของทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลที่ผ่านมา ก็เป็นไปได้ตามเมื่อบรรดาขุนพล "เดอะ เร้ดส์" เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี มีชื่อติดทีม 5 คน ตามมาด้วย แมนฯ ซิตี้ 2 ราย, เลสเตอร์ ซิตี้ 2 ราย และ อาร์เซน่อล กับ เบิร์นลี่ย์ ทีมละ 1 ราย

สรุปรางวัลสำคัญจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ)

นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

นักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี : เบธานี่ อิงแลนด์  (เชลซี)

นักฟุตบอลชายดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี :  เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)

นักฟุตบอลหญิงดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี : ลอเรน เฮมพ์  (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

นักฟุตบอลผู้ที่อุทิศตนเพื่อวงการฟุตบอล : มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกแห่งปี :
ผู้รักษาประตู : นิค โป๊ป (เบิร์นลี่ย์)

กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล) , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์(ลิเวอร์พูล) , ชักลาร์ โซยุนชู (เลสเตอร์ ซิตี้), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ลิเวอร์พูล)

กองกลาง : ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล) , เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

กองหน้า : เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์ ซิตี้),  ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง (อาร์เซน่อล) , ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)

รับความจริง!โซลชาเผยตอนนี้แมนยูยังเทียบ2ทีมคู่อริไม่ได้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ตอนนี้ "ปีศาจแดง" ยังเทียบกับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ พร้อมย้ำ ต่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีในเกมกับ เลสเตอร์ แต่ทีมของตนก็ไม่ควรตายใจเด็ดขาด

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่าทีมของตนยังห่างชั้นจาก ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่เยอะพอตัว

    แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ในลีก 13 นัดติดต่อกันแล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกับความปราชัยต้องย้อนไปถึงเกมที่พ่าย เบิร์นลี่ย์ 0-2 เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมันก็ทำให้บางคนมองว่าซีซั่นหน้าพวกเขาอาจจะมีลุ้นเบียดแย่งแชมป์กับ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สูสีขึ้น

    โซลชา เผยว่า "เรายังไม่อยู่ในจุดที่ต้องการไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม เรายังเหลือเกมให้เล่นอีก 1 นัดในการแสดงให้เห็นว่าเราเป็นทีมที่ดีขึ้นแล้ว ถ้าเราได้ผลการแข่งขันที่ดีในเกมกับ เลสเตอร์ แล้วล่ะก็ ผมก็คิดว่าหลายคนคงจะบอกว่านี่เป็นการเดินทางที่ดี แต่ผมขอย้ำอีกครั้งว่านี่ยังไม่ใช่ตอนจบในการเดินทางของเรา ถ้าคุณไปถึงจุดที่ต้องการได้มันก็ไม่ใช่ว่าคุณจะผ่อนคลายได้ คุณต้องเดินหน้าอีกครั้งและไล่ล่าเป้าหมายต่อไปให้ได้ เรารู้ดีว่าตอนนี้มี 2 ทีมที่อยู่เหนือเรา ดังนั้นเราก็ต้องยกระดับขึ้นให้ดีกว่าเดิมอีก"

ด่วน! “ฮาว” ประกาศแยกทางกับบอร์นมัธ

เอ็ดดี้ ฮาว ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งกุนซือ บอร์นมัธ เรียบร้อย โดยเจ้าตัวยอมรับทำใจลำบาก หลังอยู่กับสโมสรมานานถึง 25 ปี แต่มั่นใจ "เดอะ เชอร์รี่ส์" ถึงเวลาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว

     เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือดังเลือดผู้ดี ก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีม บอร์นมัธ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นการตกลงแยกทางด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย

     "เดอะ เชอร์รี่ส์" กระเด็นตกชั้นจากเวที พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลล่าสุด หลังจากที่อยู่โลดแล่นในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษมานานถึง 5 ปี จนกระทั่งล่าสุด กุนซือวัย 42 ปี ตัดสินใจอำลาถิ่น ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม เรียบร้อย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก หลังจากที่อยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี

         "จากการที่อยู่กับสโมสรมานานถึง 25 ปี ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม การตัดสินใจครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย และถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตผม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผมรักสโมสรแห่งนี้มาก แต่เรามีความรู้สึกว่า ตอนนี้มันถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว ที่สโมสรจะต้องเดินไปในทิศทางใหม่ บอร์นมัธ จะอยู่ในใจของผมเสมอ แต่ผมขอย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่า ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่สโมสรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง" ฮาว เปิดใจ

     ทั้งนี้ ฮาว ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือ บอร์นมัธ หนแรกเมื่อปี 2008 ก่อนย้ายไปคุม เบิร์นลี่ย์ ในปี 2011 ทว่าอยู่ในตำแหน่งกุนซือใหญ่ "เดอะ คลาเร็ตส์" แค่ปีเดียวเท่านั้น ก่อนกลับมาคุมทัพ "เดอะ เชอร์รี่ส์" และอยู่ยาวจนกระทั่งถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย 5 ฤดูกาลที่พาสโมสรโลดแล่นในเวที พรีเมียร์ลีก นั้น เจ้าตัวเคยพาทีมจบที่อันดับเก้า เมื่อซีซั่น 2016/17

เผยแผนเด็ด! “โป๊ป” ชี้ชัดสิ่งสำคัญทำให้ เบิร์นลี่ย์ บุกแบ่งแต้ม ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น

หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุดทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ เบิร์นลีย์ ไป 1-1 เป็นการหยุดสถิติชนะรวดใน แอนฟิลด์ ลงในฤดูกาลนี้ นิค โป๊ป นายทวารทีมเยือนซึ่งโชว์ซุปเปอร์เซฟหลายครั้งได้กล่าวว่า การใช้โอกาสจากลูกเซ็ตพีซคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขากลับมาตีเสมอเจ้าบ้านได้ ตามรายงานจาก บีทีสปอร์ต

นายทวารทีมชาติอังกฤษโชว์ฟอร์มเซฟลูกสำคัญหลายครั้งทำให้ หงส์แดง ไม่สามารถทำประตูขึ้นนำได้จนกระทั่งมาโดนตีเสมอในครึ่งหลังจากประตูของ เจย์ โรดริเกวซ ซึ่งเขาได้กล่าวหลังจบเกมว่า

“ผมคิดว่าเกมนี้เราเล่นกันได้ดี เราสร้างโอกาสของเรา เราดูอันตรายในทุก ๆ ลูกเซ็ตพีซ ทุกจังหวะที่บอลเข้าไปในกรอบเขตโทษนั้นสร้างความอันตรายได้ แต่โชคไม่ดีที่มันไม่เป็นประตูเพิ่มให้เรา”

“มันยอดเยี่ยมมากที่ได้มีส่วนร่วมในเกมนี้ การมาเยือนสนามที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้คุณต้องคาดหวังว่าจะได้เจอกับความยากลำบากแน่นอน พวกเขาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก คุณมาที่นี่และต้องเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งผมก็โชคดีที่ได้มาที่นี่และสามารถเก็บแต้มออกไปได้” โป๊ป กล่าว

ข้องใจ?!จับคำพูดโรเบิร์ตสันสบถหยาบใส่กรรมการหลังจบเกม

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ถูกกล้องถ่ายทอดสดจับภาพหลังจบเกมการแข่งขันที่ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เสมอกับ เบิร์นลี่ย์ 1-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเป็นจังหวะที่เจ้าตัวเดินเข้าไปหากลุ่มผู้ตัดสินแล้วสบถคำพูดใส่แบบรุนแรง อีกทั้งอาจเป็นไปได้ว่ากัปตันทีมชาติสกอตแลนด์มีสิทธิ์โดนคณะกรรมการด้านวินัยตรวจสอบย้อนหลังในพฤติกรรมนี้

    แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายเลือดสกอตช์ ของ ลิเวอร์พูล โขกให้ทีมออกนำ เบิร์นลี่ย์ ตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก โดยรูปเกมของ ‘หงส์แดง’ เป็นฝ่ายทำได้เหนือกว่า ก่อนที่จะโดนตีเสมอจากลูกยิงสุดคมของ เจย์ โรดริเกซ ในช่วงครึ่งหลัง และจบเกมด้วยการแบ่งแต้มกันไปของทั้งสองทีม

    อย่างไรก็ตาม มีจังหวะที่เป็นถกเถียงหลังจากที่ โรเบิร์ตสัน ถูก โยฮันน์ เบิร์ก ตามมาสกัดในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรให้เกมเล่นต่อไป ซึ่งหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบการแข่งขัน แบ็กซ้ายวัย 26 ปีก็ตรงปรี่เข้าไปหา เดวิด คูต ผู้ชี้ขาดในเกมนี้ แล้วต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ซึ่งกล้องถ่ายทอดสดได้จับภาพจังหวะดังกล่าวพร้อมคำพูดของ โรเบิร์ตสัน เอาไว้ได้อย่างชัดเจน

    "มันเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ที่ไม่ใช่จุดโทษ มันไม่ใช่จุดโทษได้ยังไงวะ? แกมองไม่เห็นอะไรเลยหรือไง?"

    "แกไม่เห็นอะไรเลยตลอดทั้งเกมนอกจากให้ใบเหลืองตอนช่วงท้าย พวกแกจะมาเป็นกรรมการทำไมถ้าทำได้แค่นี้? จะมีพวกแกไปทำไมกัน? ให้ตายเถอะ" กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ สบถด้วยอารม์รุนแรง

 

    ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการวินัยเพื่อตัดสินว่าการกระทำของ โรเบิร์ตสัน มีความผิดหรือไม่

เบิร์นลี่ย์แถลงประณามกลุ่มคนทำเรื่องสุดเลวร้าย

เบิร์นลี่ย์ ออกโรงประณามกลุ่มคนที่จ้างเครื่องบินพร้อมกับติดป้ายในเชิงเย้ยหยันโครงการ "แบล็ค ไลฟ์ส แมทเทอร์" (Black Lives Matter ) ในแมตช์ที่พวกเขาออกไปถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มยับไม่นับญาติเกมลีกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
    เบิร์นลี่ย์ สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงประณามการกระทำของกลุ่มคนบางกลุ่มที่จ้างเครื่องบินติดแผ่นป้ายข้อความว่า "ไวท์ ไลฟ์ส แมทเทอร์ เบิร์นลี่ย์" (White Lives Matter Burnley) หรือ "ชีวิตคนขาวก็สำคัญ เบิร์นลี่ย์" บินอยู่เหนือสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ในเกมลีก เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา

    ช่วงที่ผ่านมาวงการฟุตบอลมีการแสดงจุดยืนด้วยการต่อต้านการเหยียดสีผิวในโครงการ "แบล็ค ไลฟ์ส แมทเทอร์" (Black Lives Matter ) หรือ "ชีวิตคนผิวดำก็สำคัญ" โดยให้ 20 สโมสรใช้ข้อความดังกล่าวแปะติดเอาไว้ด้านหลังเสื้อแข่งแทนชื่อนักเตะ และยังมีการคุกเข่าก่อนที่จะเริ่มฟาดแข้ง

    อย่างไรก็ตามในแมตช์ที่ เบิร์นลี่ย์ บุกแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-5 ได้เกิดเรื่องที่อาจจะสร้างกระแสความขัดแย้งอย่างรุนแรงเมื่อมีกลุ่มคนว่าจ้างเครื่องบินพร้อมติดป้ายที่มีข้อความไม่เหมาะสมที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยหยันการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิว

    สำหรับเรื่องนี้ "เดอะ คลาเร็ตส์" ต้องรีบออกมายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสโมสร และพร้อมประณามผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่มีส่วนกับการกระทำครั้งนี้ "สโมสรเบิร์นลี่ย์ ฟุตบอล คลับ ขอประณามอย่างรุนแรงต่อผู้ที่มีส่วนในเครื่องบินและป้ายข้อความโจมตีที่บินอยู่เหนือสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์"

    "เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ สิ่งนี้ไม่ใช่ตัวแทนในสิ่งที่สโมสรเบิร์นลี่ย์ ฟุตบอล คลับ ยืนหยัด และเราจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อควานหาบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบ และจะสั่งแบนตลอดชีวิต"

    "สโมสรมีความภูมิใจในการทำงานร่วมกับคนทุกเพศ, ทุกศาสนา และความเชื่อจนได้รับรางวัลการวางแผนเพื่อชุมชน และยืนหยัดในการต่อต้านการเหยียดผิว เราให้การสนับสนุนโครงการแบล็ค ไลฟ์ส แมทเทอร์ ของพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เริ่มต้น และตลอดช่วงที่พรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่มีโครงการโปเจกต์ รีสตาร์ท"

    "นักเตะของเราและทีมสตาฟฟ์ทุกคนพร้อมที่จะคุกเข่าก่อนที่จะเริ่มแข่งพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เราขอโทษจากใจต่อ พรีเมียร์ลีก, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทุกๆ ฝ่ายที่ช่วยในการรณรงค์โครงการแบล็ค ไลฟ์ส แมทเทอร์" แถลงการณ์ฉบับเดิม ระบุ

ยังวางใจไม่ได้!พรีเมียร์ลีกยันพบเพิ่ม 2 รายติดเชื้อไวรัส “โควิด-19”

สถานการณ์ยังไม่อาจวางใจได้… ล่าสุด พรีเมียร์ลีก คอนเฟิร์ม พบผู้ติดเชื้อไวรัส "โควิด-19" เพิ่มอีก 2 ราย หลังทราบผลการตรวจหาเชื้อรอบสอง

    พรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์ยืนยัน เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัส "โควิด-19" เพิ่มอีก 2 ราย จาก 2 สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่มีการตรวจหาเชื้อรอบสองจำนวน 996 คน

    สำหรับการตรวจหาเชื้อรอบสองจำนวน 996 คน มีการทยอยกันตรวจที่สนามซ้อมของสโมสรตัวเองแต่ตั้งในวันอังคาร, วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดคอนเฟิร์มว่า พบเพิ่มอีก 2 รายที่ผลตรวจออกมาเป็นบวก

    เท่ากับว่าตอนนี้บรรดานักเตะและเจ้าหน้าที่ของทั้ง 20 สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก ผ่านการตรวจหาเชื้อไปแล้วสองรอบ โดยมีการพบผู้ติดเชื้อไวรัส "โควิด-19" รวม 8 ราย จากทั้งหมด 1,744 คน (บวกกับ 748 คนจากรอบแรก) และจะมีการตรวจรอบสามในวันจันทร์และวันอังคารที่จะถึงนี้

     ทั้งนี้ เอียน โวน ผู้ช่วยกุนซือ เบิร์นลี่ย์ และ อาเดรียน มาริยัปป้า ดาวเตะ วัตฟอร์ด คือ 2 จาก 6 คนที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ หลังทราบผลการตรวจรอบแรก

บิ๊ก6ไม่ยอม!แฉมีกดดันพรีเมียร์ลีกให้คงกฎตกชั้นตามเดิม

ดูท่าปัญหาพรีเมียร์จะยังคงวุ่นไม่เลิก หลังเตรียมดำเนินการแข่งขันต่อในโปรเจกต์รีสตาร์ท ท่ามกลางความเห็นที่ไปคนละขั้วของทีมท้ายตาราง กับทีมบิ๊กซิกซ์ เรื่องการยกเลิกกฎการเลื่อนชั้น-ตกชั้น ออกไป ท่ามกลางการระบาดหนักของไวรัส โคโรน่า ในอังกฤษ
    โดยก่อนหน้านี้โครงการรีสตาร์ท ของพรีเมียร์ลีก ถูกบรรดาทีมท้ายตาราง พากันมาต่อต้าน พร้อมกับเรียกร้องไปยังฝ่ายจัดการแข่งขันว่า พวกเขายินดีที่จะกลับมาแข่งต่อในสนามกลาง 8-10 สนามที่ลีกเตรียมเอาไว้ หากยกเลิกการเลื่อน-ตกชั้นสโมสรระดับลีกสูงสุด

    ซึ่งเรื่องดังกล่าวดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาทีมใหญ่6ทีมในอังกฤษ หรือ ทีมบิ๊กซิกซ์ เนื่องจากมองว่า หากลีกกับมาเตะกันใหม่อีกครั้ง ก็ควรที่จะยึดตามกฎการเลื่อน-ตกชั้นสโมสรไว้คงเดิม

    ในสัปดาห์นี้ 20พรีเมียร์ลีกจะมีการนัดประชุมกันอีกครั้ง เพื่อตัดสินใจว่าพวกเขาจะไปเดินหน้าด้วย ‘โครงการรีสตาร์ท’ กลับมาเริ่มเตะกันอีกครั้งใน 8-10 สนามกลางที่ได้รับเลือกหรือไม่

    โดยแนวคิดการเตะสนามกลาง ถูกบรรดาทีมท้ายตารางอย่าง ไบรท์ตัน,เวสต์แฮม,วัตฟอร์ด,บอร์นมัธ,แอสตัน วิลล่า และ นอริช ออกมาต่อต้านกันอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    เรื่องดังกล่าว พอล บาร์เบอร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารของไบรท์ตัน ออกมาแสดงความเห็น โดยเน้นย้ำว่าทีมนกนางนวล ควรได้รับอนุญาตให้เตะในสนามเอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามกลาง ในเกมที่ตัวเองเป็นเจ้าบ้าน

    ตามกฎของพรีเมียร์ลีก จะมีการลงคะแนนโหวตจาก 20 สโมสร เพื่อกลับมาเตะกันใหม่ โดยมติจะผ่านก็ต่อเมื่อมีเสียงมากกว่า14เสียง แต่มีรายงานว่า นอกจากทีมบิ๊ก6แล้ว มีเพียงอีกสองสโมสรเท่านั้น แต่อยากกลับมาแข่งต่อ ซึ่งนั่นก็หมายว่า เสียงจะมีไม่ถึง14เสียง

    แหล่งข่าวของมีร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ กล่าวว่า ทั้ง นิวคาสเซิ่ล,เซาธ์แฮมตัน,เบิร์นลี่ย์,คริสตัล พาเลซ,เลสเตอร์ และ เชฟฯยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่อยากให้ยกเลิก มากกว่ากลับมาเตะใหม่

    ส่วนทีมท้ายตาราง6ทีม ก็เสนอเงื่อนไขเดียว หากอยากกลับมาเตะใหม่ จะต้องยกเลิกกฎการเลื่อนชั้น-ตกชั้น

    ซึ่งเรื่องดังกล่าว รายงานจากเดลี่เมล สื่อยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดี ระบุว่า บรรดาทีมบิ๊กซิกซ์ กำลังวิ่งเต้นอย่างหนัก เพื่อล็อบบี้ให้พรีเมียร์ลีก ยังคงกกฎการเลื่อนชั้น-ตกชั้นไว้ตามเดิม แม้ว่าการแข่งขันจะสามารถแข่งต่อ หรือถูกยกเลิกไปก็ตาม

    รายงานระบุทีมใหญ่ค่อนข้างไม่พอใจในเรื่องนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าบรรดาทีมท้ายตาราง เอาแต่รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง มากกว่าจะมองภาพรวมของฟุตบอลอังกฤษ

    โดยผู้บริหารที่ไม่เปิดเผยนามรายหนึ่งกล่าวว่า “พวกเขากำลังขู่ว่าจะทำลายวงการฟุตบอล เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการตกชั้น มันเป็นความคิดที่บ้องตื้นมาก”

    พรีเมียร์ลีกหวังที่จะรักษาหลักการสำหรับข้อตกลงที่จะกลับมาเตะในสัปดาห์นี้ ซึ่งดูแล้วคงจะเป็นงานที่ยากที่สุดของหัวหน้าผู้บริหารอย่าง ริชาร์ด มาสเตอร์ ที่จะให้เหล่าบรรดาทีมบน-ท้ายตาราง เห็นพ้องต้องกันใน "โครงการรีสตาร์ท" นี้