แวน บาสเทนชี้ฟาน เดอ เบ็คไม่ควรซบแมนยู

มาร์โก แวน บาสเท่น แสดงความเห็นกับสื่อประเทศบ้านเกิด โดยเชื่อว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ควรที่จะอดทนรอทางเลือกอื่นแทนที่จะย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
   
มาร์โก แวน บาสเท่น ตำนานทีมชาติฮอลแลนด์ ให้ความเห็นว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์รุ่นน้อง ไม่ควรรีบย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพราะการเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้าดีควรที่จะได้ลงสนามทุกสัปดาห์

ฟาน เดอ เบ็ค ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์พรสวรรค์สูงของวงการลูกหนัง และสุดท้ายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คว้าตัว ฟาน เดอ เบ็ค ไปครอบครองด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,520 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ย้ายทีม ฟาน เดอ เบ็ค ในวัย 23 ปี กลับไม่ได้ลงสนามเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าที่ควร โดยเพิ่งได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก ไปเพียง 61 นาทีเท่านั้น อีกทั้งเกมล่าสุดที่ต้นสังกัดเสมอกับ เชลซี 0-0 ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลย

ในเรื่องนี้เอง แวน บาสเท่น ให้สัมภาษณ์กับ Ziggo Sport สื่อโทรทัศน์ในประเทศฮอลแลนด์ ระบุถึงเรื่องที่ว่า ฟาน เดอ เบ็ค ควรจะรอข้อเสนออื่นๆ แทนที่ย้ายไปร่วมทีม ‘ปีศาจแดง’

"ดอนนี่ ไม่ควรย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

"ในเมื่อคุณเป็นผู้เล่นที่ดี คุณก็ต้องการที่จะลงสนามทุกสัปดาห์" อดีตยอดกองหน้าเผย

"มันเป็นเรื่องแย่มากๆ สำหรับผู้เล่นอย่าง ดอนนี่ ที่จะได้ลงเล่นแค่ 6 หรือ 7 เกมในปีนี้ นั่นคือเรื่องช็อคในการที่คุณต้องมีเกมเพื่อจับจังหวะในการเล่น"

"ผมรู้ว่าเขาได้รับค่าแรงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ในการเป็นนักเตะฝีเท้าดีคุณก็ต้องมีวิจารณญาณ และมองถึงโอกาสในการลงเล่นตอนที่คุณจะเซ็นสัญญากับทีมใหม่"

"ดอนนี่ ควรที่จะรอโอกาสที่ดีกว่า และเซ็นสัญญากับสโมสรอื่น" แวน บาสเท่น กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ความเห็นของ แวน บาสเท่น สอดคล้องกับสิ่งที่ ปาทริซ เอวร่า อดีตแบ็กซ้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตั้งข้อสงสัยว่าทำไม ‘ปีศาจแดง’ ถึงต้องทุ่มเงินซื้อ ฟาน เดอ เบ็ค มาร่วมทีม ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่คิดที่จะใช้งาน

 

ลิเวอร์พูลเฮ “ติอาโก้” คืนทัพ! “ซาลาห์-มาเน่” นำตะบันเชฟยูส่งบรูว์สเตอร์ลุ้นยิงทีมเก่า

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะได้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ที่หายเจ็บกลับมาเคลื่อนทัพแดนกลาง ขณะที่แผงแนวรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ พร้อมประสานคมพักตาข่ายเกมรับ "ดาบคู่" เชฟฯ ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 24 ต.ค. ศกนี้  ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 (เวลา : 02.00 น.)
ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563
ลิเวอร์พูล   –   เชฟฯ ยูไนเต็ด
ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 (เวลา : 02.00 น.)

สนาม : แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล :

    ลิเวอร์พูลบุกไปเสมอกับเอฟเวอร์ตัน 2-2 ในเกมลีกนัดล่าสุดก่อนที่จะเฉือนชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดแรก

    ความพร้อมของหงส์แดงในเกมนี้จะไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่ารบกวนจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ต้องหยุดสถิติออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมลีกเอาไว้ 94 นัดติดต่อกัน นอกจากนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังคงต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ โดยเป็นที่คาดกันว่า จอมหนึบทีมชาติบราซิล จะกลับมาเฝ้าเสาได้ก่อนสิ้นเดือนนี้

    แต่มีข่าวดีคือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า พร้อมที่จะกลับมาช่วยทีมในเกมนี้หลังจากที่สลัดอาการบาดเจ็บจากการปะทะกับ ริชาร์ลิซอน จน ดาวยิงบราซิเลียน โดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมลีกนัดก่อน

    ในแผงหลัง ฟาบินโญ่ คงจะได้รับโอกาสลงสนามในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กต่อไป โดยจะจับคู่กับ โจ โกเมซ เช่นเดิมหลัง อดีตแข้ง อาแอส โมนาโก โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในเกมกับอาแจ็กซ์ถึงแม้ว่า โฌแอล มาติป พร้อมที่จะกลับมาช่วยทีมแล้วก็ตาม

    ส่วนในแดนหน้า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน คงจะยึดผู้เล่นชุดเดิมต่อไป ซึ่งก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ทั้งที่ ฟีร์มีโน่ ถูกตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับสภาพความฟิตของเขา รวมทั้ง ดีโอโก้ โชต้า ที่ได้ลงมาเป็นตัวสำรองจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมกลางสัปดาห์ก็ตาม

    ด้าน นาบี เกอิต้า และ คอสตาส ซิมิกาส ก็สลัดอาการบาดเจ็บเตรียมกลับเข้ามาสู่ทีมอีกครั้ง ขณะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยังคงต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน

เชฟฯ ยูไนเต็ด :

    เชฟฯ ยูไนต็ด ยังคงหวานหาชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลนี้ไม่เจอหลังไม่ชนะใครมา 6 เกมแล้วรวมทุกรายการ เกมลีกนัดล่าสุดเปิดบ้านเสมอกับฟูแล่ม 1-1

    ทีมเยือนกำลังประสบปัญหาผู้เล่นโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แจ็ค โอคอนเนลล์ ที่โดนโรคเดี้ยงบริเวณหัวเข่าเล่นงานจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและคงจะต้องพักรักษาตัวในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ รวมทั้ง จอห์น เฟล็ค, ลีส์ มูสเซ และ แม็กซ์ ลอว์ ที่ถูกส่งประเดิมสนามในเกมลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่อยู่ในสนามได้เพียง 19 นาทีเท่านั้นหลังจากที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บและอาจจะไม่สามารถลงสนามได้ในเกมนี้

    ทำให้ คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีม คงจะส่ง อีธาน อัมปาดู ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงอีกครั้ง โดยที่ เอ็นดา สตีเว่นส์ จะขยับจากตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กฝั่งซ้ายกลับไปยืนตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย

    ขณะที่ในแนวรุก รีอาน บรูว์สเตอร์ จะได้ลงสนามเป็นตัวจริงเผชิญหน้ากับต้นสังกัดเก่า ซึ่งไวล์เดอร์ก็หวังว่าบรูว์สเตอร์จะงัดฟอร์มเก่งออกมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจ้านายเก่า รู้สึกว่า เขาคิดผิดที่ปล่อยตัวแข้งรายนี้ออกจากทีม

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้ อัลกันตาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : อารอน แรมส์เดล – คริส บาแชม, อีธาน อัมปาดู, จอห์น เอแกน – จอร์จ บัลด็อค, จอห์น ลุนด์สแตรม, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, ซานเดอร์ เบิร์ก, เอ็นดา สตีเว่นส์ – โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่, รีอาน บรูว์สเตอร์
    ผู้จัดการทีม : คริส ไวล์เดอร์

    ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

ก็ได้อยู่! “คล็อปป์” โอเคลิเวอร์พูลเล่นดีพอคว้าชัย

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ชี้ลูกทีมเล่นได้ดีพอกับการเป็นฝ่ายชนะ หลังบุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 พร้อมตำหนิสภาพสนามที่ทำทั้งสองทีมเล่นกันยาก
               เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เชื่อว่า ทีมตนสามารถทำผลงานได้ดีกว่านี้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีพอกับการเป็นฝ่ายชนะ หลัง "หงส์แดง" บุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา

               เป็นเกมที่ทั้งสองทีมต่างเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และสุดท้ายเป็น ลิเวอร์พูล ที่เก็บ 3 แต้มกลับบ้าน จากประตูชัยในนาทีที่ 35 ซึ่งมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของผู้เล่นแนวรับเจ้าถิ่นอย่าง นิโกลัส ตายาฟิโก้

             "ถือเป็นฟอร์มที่ดีพอในการคว้าชัยชนะ นั่นแหละคือสิ่งที่คุณต้องการ แน่นอน ผมคิดว่า ทั้งสองทีมสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ แต่สภาพพื้นสนามมันก็ดูแปลกๆ นะ ทั้งลึกและเต็มไปด้วยโคลน มันทำให้นักเตะเหนื่อยกันเร็ว" คล็อปป์ เปิดใจหลังเกม

จอมพลังโรเบิร์ตสัน ! ผ่า 5 ข้อ ลิเวอร์พูล เปิดหัวเบาๆ บุกเฉือน อาแจ็กซ์

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล คงเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาเซนเตอร์แบ็กหลัง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ต้องพักยาวจากอาการเจ็บเข่า เพราะตอนนี้ "หงส์แดง" มี ฟาบินโญ่ ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีไม่มีที่ติ ในเกมล่าสุดที่บุกชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
    ฟาบินโญ่ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถทำผลงานในตำแหน่งกองกลางได้ดี และยังเล่นเป็นกองหลังได้อย่างสุขุม โดยในเกมเยือน อาแจ็กซ์ นั้น ดาวเตะชาวบราซิเลียน จับคู่กับ โจ โกเมซ ได้อย่างโดดเด่น และจัดการเกมรุกของเจ้าบ้านได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญยังมีชอตเด็ดเคลียร์บอลจากเส้นประตูช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นชอตไฮไลท์ของเจ้าตัวเลยทีเดียว

    ในขณะเดียวกัน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ดูเหมือนจะกลายเป็นนักเตะที่ คล็อปป์ ฝากผีฝากไข้ได้ในการทำหน้าที่เติมเกมบุกให้กับทีม เพราะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แทบจะไม่มีบทบาทในการวิ่งขึ้นไปกดดันแนวรับอาแจ็กซ์ ขณะเดียวกัน ดาวเตะเลือดวิสกี้ ยังเล่นเกมรับได้ดี และสามารถวิ่งขึ้นลงได้แบบไม่มีหมดพลัง จนทำให้หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัวมีเคล็ดลับอะไรที่ได้ฟิตเปรี๊ยะขนาดนี้

    สำหรับ อาเดรียน แมตช์นี้ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของเขา แม้ว่าในช่วงต้นเกมจะมีจังหวะไม่เข้าใจกับ โกเมซ แต่ที่เหลือ นายด่านชาวสแปนิช ทำผลงานได้ดีเยี่ยม มีจังหวะการเซฟสวยๆ หลายคน ต้องยอมรับว่า คล็อปป์ ใจเด็ดมากๆ ที่กล้าใช้งานเขา และสิ่งนี้คือรางวัลที่นักเตะตอบแทนให้กับเจ้านายได้ดีเยี่ยม

1.  อาเดรียน ยังพอไว้วางใจได้บ้าง

    หลายคนอาจจะยังคลางแคลงใจในฝีมือของ อาเดรียน แต่ในเมื่อทีมไม่มี อลีสซง เบ็คเกอร์ ฉะนั้น คล็อปป์ จึงไม่มีทางเลือกที่จะไว้วางใจ นายทวารชาวสแปนิช ให้ทำหน้าที่เป็นมือ 1 แม้ว่าเขาจะทำผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจโดยเฉพาะการพลาดจังหวะง่ายๆ หลายครั้งก็ตาม

    อย่างไรก็ตามในเกมเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เจ้าตัวทำผลงานที่ทำให้การตัดสินใจของ คล็อปป์ ถูกต้อง เมื่อโชว์จังหวะการป้องกันประตูได้หลายครั้ง โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เซฟระยะเผาขนจากการยิงของ ควินซี่ โพรเมส ได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมีจังหวะป้องกันประตูจากการยิงของ โพรเมส เจ้าเดิม ในนาทที่ 58

    ขณะเดียวกัน อาเดรียน ยังมีจังหวะในการออกมาตัดบอลได้อย่างแม่นยำ ทำให้แนวรับของ "หงส์แดง" ไม่รู้สึกกดดัน อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเกมอาจจะมีจังหวะหวาดเสียวที่ไม่เข้าใจกับ โจ โกเมซ จนเกือบเป็นต้นเหตุให้เสียประตู รวมไปถึงการจับบอลที่ไม่ค่อยนิ่ง นอกเหนือจากนั้นฟอร์มโดยรวมของเขาก็ถือว่าน่าประทับใจ

    สำหรับผลงานในแมตช์นี้ยังแสดงให้เห็นว่า อาเดรียน เป็นนักฟุตบอลที่มีจิตใจที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีอาการประหม่า แม้ว่าเขาจะโดนเสียงวิจารณ์เยอะก็ตาม แต่ผลงานในเกมนี้ที่สามารถเก็บคลีนชีตได้ น่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจในการเฝ้าเสาให้กับเจ้าตัว และเพื่อนร่วมทีมมากยิ่งขึ้น
   
2. ฟาบินโญ่-โกเมส คู่ขวัญเซนเตอร์แบ็ก

    การที่ "หงส์แดง" ไม่มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ อีกหลายเดือนเนื่องจากนักเตะต้องเข้ารับการผ่าตัดเอ็นไขว้หัวเข่า ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" หวั่นไหวอย่างมาก เพราะเซนเตอร์แบ็กอาชีพที่มีประสบการณ์เหลือแค่ โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนฟอร์มก็ออกแนวผีเข้าผีออกไว้วางใจไม่ได้มากนัก

    อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยังพอมีออปชั่นพิเศษในตำแหน่งกองหลัง นั่นก็คือการจับ ฟาบินโญ่ ลงมาทำหน้าที่เซนเตอร์แบ็กชั่วคราว และเจ้าตัวก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ โดยคอยคุมเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมีจังหวะในการตัดบอลและเล่นสวนกลับเร็วจนทำให้ "หงส์แดง" กดดันเกมรับเจ้าบ้านได้ตลอด

    นอกจากนี้ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ยังมีชอตแห่งชีวิตที่ทำให้ ลิเวอร์พูล รอดจากการเสียประตูไปได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเกิดขึ้นในนาทีที่ 44 เมื่อ ดูซาน ทาดิช หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อาเดรียน แต่ ฟาบินโญ่ วิ่งมาเตะบอลออกจากเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด ขณะเดียวกันเขามักจะยืนถูกที่ถูกเวลา และยังมีจังหวะที่ขึ้นไปโหม่งลุ้นทำประตูตอนเตะมุมด้วย

    ขณะที่ โจ โกเมซ ก็เล่นได้โดดเด่นเช่นกัน หากไม่นับจังหวะต้นเกมที่ไม่เข้าใจกับ อาเดรียน นอกเหนือจากนั้นเขาสามารถคุมพื้นที่กองหลังได้ดีเยี่ยม แทบไม่มีจังหวะพลาดไม่เห็น ขณะที่ลูกกลางอากาศก็เก็บกินเรียบวุธ ฉะนั้น คล็อปป์ น่าจะพอฝากความหวังเอาไว้กับ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ในการเป็นตัวตายตัวแทนของ ฟาน ไดค์

     ฉะนั้นมีความเป็นได้สูงที่ กุนซือชาวด๊อยท์ช จะตัดสินใจใช้งาน ฟาบินโญ่ ยืนคู่กับ โกเมซ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอีกแมตช์ในเกมลีกพบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สำคัญสำหรับ ดาวเตะเลือดแซมบ้า อาจมีความเป็นได้ที่เขาจะได้ยืนกองหลังไปอีกหลายเกม เพราะผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจริงๆ

3. ไวจ์นัลดุม ผู้ปิดทองหลังพระ

    หนึ่งในนักเตะที่มักจะทำผลงานได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ค่อยได้รับคำชมมากนักนั่นก็คือ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม เพราะหลายๆ แมตช์ที่เขาลงสนามคอยทำหน้าที่ในแดนกลาง เจ้าตัวเล่นได้ดี มีความคงเส้นคงวา และยังสามารถเชื่อมเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างดีไม่มีที่ติ

    ฟอร์มในสนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ของ ไวจ์นัลดุม ถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะนักเตะต้องคุมเกมอย่างหนักในแผงมิดฟิลด์ และจัดการกับเกมแดนกลางของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้อยู่หมัด ในขณะเดียวกันก็ยังคอยคุมจังหวะเกมเพื่อสร้างโอกาสให้กับทีมในช่วงที่เปิดเกมบุก

    โดยเฉพาะในช่วงท้ายครึ่งหลัง ไวจ์นัลดุม มีโอกาสปั้นเกมให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้ "หงส์แดง" เกือบได้ประตูที่สองหลายครั้ง แถมยังคอยตัดบอลในแดนกลางจังหวะที่ อาแจ็กซ์ พยายามจะเติมเกมบุกสวนกลับ ซึ่งทำให้เจ้าบ้านต้องเสียจังหวะหลายครั้ง

    สำหรับตอนนี้แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" คงอยากสะกิด คล็อปป์ ให้รีบเปิดการเจรจาขยายสัญญาฉบับใหม่กับ ไวจ์นัลดุม เป็นการด่วน เพราะการที่ทีมมี ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ลงสนาม จะช่วยทำให้แผงมิดฟิลด์มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้จับคู่กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิ่งทำให้แดนกลางแข็งแกร่งมาขึ้นเป็นทวีคูณ
 
4. สามประสามสำรองทดแทน "หินเหล็กไฟ"

    หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลใจว่า คล็อปป์ ใช้งาน ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มากเกินไปจนอาจส่งผลต่อสภาพร่างกายได้ แต่สำหรับในฤดูกาลนี้ "หงส์แดง" มีขุมกำลังสำรองในเกมรุกที่สามารถลงมาทดแทนทั้ง 3 คน และประสิทธิภาพก็ไม่ลดทอนลงไปด้วย

    สามประสาน "เอสเอ็มเอฟ" ลงสนามเป็นตัวจริงมาตลอดในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ บางแมตช์พวกเขาต้องเล่นจนจบเกม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีอาการเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตามในแมตช์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่าทีมยังมีสามแนวรุกที่พร้อมลงไปทดแทน มาเน่, ฟีร์มีโน่ และ "บังโม" ได้ทันที

    คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวแนวรุก "หินเหล็กไฟ" ออกหลังเกมผ่านไปเกือบชั่วโมง โดยเลือก เซอร์ดาน ชากีรี่, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดีโอโก โชต้า ลงสนามพร้อมกัน โดยพวกเขาเล่นได้ดีเยี่ยมสามารถไล่กดดันเกมรับของ อาแจ็กซ์ ได้ตลอด โดยเฉพาะการวิ่งเพรสซิ่ง จนทำให้พวกเขาตั้งเกมไม่ได้

    นอกจากนี้ยังมีหลายจังหวะในช่วงท้ายเกมที่ทั้งสามคนพยายามสร้างโอกาสยิงประตู อย่างเช่นจังหวะที่ มินามิโนะ มีโอกาสสับไกลบริเวณกรอบเขตโทษแต่โดน อ็องเดร โอนาน่า นายด่านอาแจ็กซ์ ปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด และยังมีครั้งที่เจ้าตัว ประสานงานกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ยิงไปติดโกลเจ้าบ้านอีกครั้ง

    ในส่วนของ โชต้า ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการเล่น การครองบอลที่เหนียวแน่ และยังมีจังหวะส่งบอลให้ ไวจ์นัลดุม เกือบทำประตูได้ในนาทีที่ 90 สำหรับ ชากีรี่ นอกจากจังหวะที่ส่งบอล ให้ มินามิโนะ ได้ซัดไกลแล้วที่เหลือเจ้าตัวทำผลงานได้ตามมาตรฐาน

    ฉะนั้นหากมองภาพรวมต้องบอกว่าทั้งสามแนวรุกสำรอง พร้อมที่จะลงมาทดแทน มาเน่, ซาล่าห์ และ ฟีร์มีโน่ ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

5. จอมพลังโรเบิร์ตสัน
    ต้องยอมรับว่าแมตช์นี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทำหน้าที่แบ็กซ้ายได้ดีเยี่ยม โดยวิ่งเติมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง และยังเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น สวนทางกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เกมนี้แทบไม่มีบทบาทในเกมรุกมากนัก ส่วนเกมรับก็ยังพอประคับประคองตัวเองไปได้

    การมาเยือน อาแจ็กซ์ ต้องบอกว่า "หงส์แดง" เน้นขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้ายแทบตลอดทั้งเกม โดย โรเบิร์ตสัน ไม่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องผิดหวัง เพราะเขาสามารถวิ่งทะลุทะลวงเข้าไปในพื้นที่คู่แข่ง และยังมีโอกาสเปิดบอลสร้างความหวาดเสียวในพื้นที่สุดท้ายได้บ่อยๆ

    หนึ่งในจุดเด่นของฟูลแบ็กชาวสกอตติช ก็คือพละกำลังที่มีเหลือเฟือ วิ่งแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จะว่าไปแล้วต้องบอกว่า โรเบิร์ตสัน เป็นนักเตะที่ฟิตมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วยซ้ำ โดยตั้งแต่เสียงนกหวีดดังจนกระทั่งเสียงนกหวีดยาวหมดเวลา นักเตะรายนี้วิ่งแบบไม่มีอาการเหนื่อยล้าให้เห็น

    ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า โรเบิร์ตสัน กับ "เจ้าหนูเทรนต์" จะค่อยช่วยเหลือกันวิ่งเติมเกมรุกทางริมเส้น แต่สำหรับในเกมล่าสุด แบ็กซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องรับหน้าที่เติมเกมรุกมากกว่าเดิม และยังต้องคอยทำหน้าที่เล่นลูกตั้งเตะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" จะยกย่องแข้งเลือดวิสกี้ เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของทีม

จริงไหม? “บรูโน่” โกรธแมนยูเซ็นแข้งเป้าหมายไม่ได้

สื่อดังตีข่าว บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพเลือดฝอยทอง ไม่ปลื้ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่รักษาสัญญาที่ให้เอาไว้ว่าจะมีการทุ่มเงินเพื่อเสริมแกร่ง โดยหวังจะเห็นทีมเทียบชั้น แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล แต่สุดท้ายแข้งเป้าหมายที่เล็งเอาไว้แห้วเรียบวุธ
               บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางทีมชาติโปรตุเกสของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวว่าทั้งโกรธและผิดหวังที่ตนเองเหมือนถูกหักหลังจากทัพ "ปีศาจแดง" จากกรณีที่ต้นสังกัดพลาดเซ็นสัญญานักเตะเป้าหมายในช่วงซัมเมอร์นี้ จากการเปิดเผยของ เดอะ ทรานส์เฟอร์ วินโดว์ รายการพ็อดแคสต์เกี่ยวกับการซื้อ-ขายนักเตะในประเทศอังกฤษ 

              "เร้ด เดวิลส์" ตกเป็นข่าวหนาหูเกี่ยวกับเรื่องการเซ็นสัญญากับ เจดอน ซานโช่ ปีกตัวเก่งจาก "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบแรก นอกจากนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ "ผีแดง" ยังหมายตา แจ็ค กรีลิช มิดฟิลด์กัปตันทีมแอสตัน วิลล่า รวมทั้งความพยายามที่จะซื้อเซนเตอร์แบ็กเพื่อมาอุดช่องโหว่เกมรับ

              กระนั้นหลังจากที่คว้า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,330 ล้านบาท) แมนฯ ยูไนเต็ด คาดหวังว่าจะคว้า ซานโช่ มาเสริมแกร่งต่อทันที แต่ติดเพียงแค่ว่าพวกเขาอยากให้ ดอร์ทมุนด์ ลดค่าตัวที่ตั้งเอาไว้สูงถึง 108 ล้านปอนด์ (ราว 4,104 ล้านบาท) ลงมา แต่สุดท้ายก็กินแห้วไปตามระเบียบ ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ก็ไม่ได้ตัวมาร่วมทีมด้วย

             จากรายงานของ เดอะ ทรานส์เฟอร์ วินโดว์ ระบุว่า แฟร์นันด์ส ไม่ปลื้มกับแนวทางในการซื้อนักเตะมาเสริมแกร่งในช่วงซัมเมอร์นี้ของสโมสรอย่างมาก และรู้สึกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้ว่ากับเขาตอนที่ตัดสินใจย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

            นอกจากนี้ จอมทัพเลือดฝอยทอง ยังคาดหวังว่าจะได้เห็นนักเตะคุณภาพชั้นยอดเข้ามาเล่นใน "โรงละครแห่งความฝัน" ซึ่งจะทำให้ทัพ "ปีศาจแดง" สามารถที่จะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ แต่สุดท้ายมันไม่เกิดขึ้น และนั่นทำให้ แมนฯ ยูฯ ดูเหมือนจะยังอยู่ห่างไกลจากการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

            ก่อนหน้านี้ "ดิ แอธเลติก" สื่อดังระดับโลก ตีข่าวว่า แฟร์นันด์ส ระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงภายในห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งเกมที่แพ้ยัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-6 แถมอารมณ์ของเขายิ่งโกรธเป็นทวีคูณเมื่อ โซลชา ตัดสินใจเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังด้วย

หนักหรือไม่?คล็อปป์เผยอาการบาดเจ็บของมาเน่

หลังจากที่ ซาดิโอ มาเน่ ปีก ลิเวอร์พูล มีชอตเอาถุงน้ำแข็งประคบขาจนทำให้สาวก "หงส์แดง" กลัวว่าเขาจะเจ็บหนักนั้น ล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็บอกเองว่าช่วงที่ผ่านมา มาเน่ มีอาการฟกช้ำนิดหน่อย และไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง พร้อมบอกว่าที่เปลี่ยน เคอร์ติส โจนส์ ออกจากสนามในช่วงพักครึ่งมันเป็นแผนที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว
    เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า ซาดิโอ มาเน่ ปีกคนเก่งของทีมไม่ได้มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด

    ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี นัดที่ ลิเวอร์พูล บุกไปชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น กล้องจับภาพได้ว่า มาเน่ เอาถุงน้ำแข็งมาประคบตรงขาหลังจากที่โดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 60 ซึ่งมันก็ทำให้ "เดอะ ค็อป" หลายคนกลัวว่าแข้งชาวเซเนกัลจะได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักนาน

    "ซาดิโอ มีอาการฟกช้ำต้นขานิดหน่อยมาพักหนึ่งแล้ว และก็กำลังรักษาตรงจุดนั้นอยู่ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายังปวดอยู่ แต่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเลย ตอนที่เขาไม่ได้เล่นเขาก็จะเอาน้ำแข็งมาประคบเป็นธรรมดา" คล็อปป์ ระบุ

    กุนซือชาวเยอรมันเสริมว่าที่เปลี่ยน เคอร์ติส โจนส์ ปีกดาวรุ่งกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในตอนพักครึ่งมันเป็นแผนที่วางเอาไว้อยู่แล้ว เพราะคิดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนลงเล่นว่าจะให้ เฮนเดอร์สัน ลงเล่นในครึ่งหลัง "กรณีของ เคอร์ติส มันเป็นการทำตามแท็กติก ทีมแพทย์บอกกับเราว่า เฮนโด้ ลงเป็นตัวจริงไม่ไหว และน่าจะพอเล่นได้ 45 นาที นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ เฮนโด้ ถูกเปลี่ยนลงไปเล่น เราอยากได้นักเตะที่มีประสบการณ์ลงไปช่วยทีม รวมถึงอยากได้แผงกลางเป็นชุดที่เคยเล่นร่วมกันมาบ้าง มันเป็นสิ่งที่ช่วยในเกมแบบนี้ได้เป็นอย่างดี"

ไม่เหลือหลังแล้ว?เผยภาพ “มาติป” เข้าโรงหมอสแกนเจ็บ

สื่อดังรายงาน โฌแอล มาติป กองหลังลิเวอร์พูล เข้ารับการตรวจหาอาการบาดเจ็บในโรงพยาบาลท้องถิ่นหลังเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยงานนี้้ต้องลุ้นว่านักเตะจะฟิตทันช่วยทีมในแมตช์ดวล อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หรือไม่
   
โฌแอล มาติป เซนเตอร์แบ็กชาวแคเมอรูนของ ลิเวอร์พูล ต้องเข้ารับการสแกนอาการบาดเจ็บหลังจบเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์เสมอ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน 2-2 ที่สนามกูดิสัน พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จากการรายงานของ เดอะ ไทม์ส สื่อดังในประเทศอังกฤษ

"หงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเกมรับอย่างหนักเมื่อพวกเขาจะไม่มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ทำหน้าที่เป็นแกนหลักในแผงแบ็กโฟร์เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดเอ็นหัวเข่าหลังจากได้รับบาดเจ็บหนักในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือนเลยทีเดียว

กรณีของ ฟาน ไดค์ ยังไม่ทันหาย ลิเวอร์พูล ต้องมาเจอความเซ็งเข้ามาแทรกอีกเมื่อ มาติป ซึ่งเพิ่งจะกลับลงสนามในเกมล่าสุด ก็มีปัญหาบาดเจ็บเช่นกัน โดยมีคลิปวีดิโอว่อนไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นว่า กองหลังวัย 29 ปี เข้าไปตรวจร่างกายในโรงพยาบาลท้องถิ่นหลังจบแมตช์กับเพื่อนบ้านสุดที่รัก ซึ่ง ฟาน ไดค์ และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็เข้ารับการสแกนที่นั่นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม "เดอะ ไทม์ส" รายงานว่า มาติป เข้ารับการสแกนอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ กระนั้นสาวก "เดอะ ค็อป" น่าจะสบายใจอยู่ได้บ้างเนื่องจากทีมแพทย์ระบุว่าไม่พบปัญหาบาดเจ็บที่รุนแรงอะไร แต่ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าจะตัดสินใจเสี่ยงส่ง มาติป ลงสนามในเกมพบ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่

ทั้งนี้หาก มาติป ไม่สามารถลงสนามได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ ฟาบินโญ่ จะถูกเลือกให้ลงมาทำหน้าที่เป็นเซนเตอร์แบ็กจำเป็นคู่กับ โจ โกเมซ แต่ คล็อปป์ ยังมีทางเลือกอื่นด้วยการส่ง นาธานเนี่ยล ฟิลลิปส์, ไรส์ วิลเลี่ยมส์, เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ บิลลี่ คูเมติโอ ลงสนามก็เป็นได้

 

ฟาบินโญ่ติดโผ,ไร้แข้งแมนยู!เว็บดังจัดทีมยอดเยี่ยมชปล.วีกแรก

 

การแข่งขันศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สัปดาห์แรก ประจำฤดูกาล 2020/21 ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันอังคารและพุธที่ผ่านมา ซึ่งสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า รวมถึงแชมป์เก่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ต่างสามารถเก็บชัยชนะกันได้อย่างพร้อมหน้า และก็มีนักเตะหลายคนเลยทีเดียว ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และนี่คือโฉมหน้าทีมยอดเยี่ยมจากวีกแรก ที่จัดทัพโดยเว็บไซต์ดังอย่าง whoscored.com (ระบบ 4-4-2)
 – ผู้รักษาประตู : มัตเวย์ ซาโฟนอฟ (เอฟซี คราสโนดาร์, เรตติ้ง 7.67)
  เป็นนายทวารที่เรตติ้งดีสุดในวีกแรก โดยนายด่านวัย 21 ปี ออกแรงเซฟถึง 6 ครั้งในเกมที่ช่วยต้นสังกัดบุกไปเสมอ แรนส์ 1-1 เมื่อคืนวันอังคาร

 – แบ็กขวา : ฮวน กวาดราโด้ (ยูเวนตุส, เรตติ้ง 7.76)
  ฟูลแบ็กชาวโคลอมเบียวัย 32 ปี โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในเกมที่ ยูเว่ บุกสอย ดินาโม เคียฟ 2-0 เมื่อวันอังคาร โดยเป็นคนแอสซิสต์ให้ อัลบาโร่ โมราต้า ทำประตูปิดท้ายในนาทีที่ 84

 – เซนเตอร์แบ็ก : ฟาบินโญ่ (ลิเวอร์พูล, เรตติ้ง 8.71)
  โชว์ฟอร์มได้สุดยอดมากๆ กับการยืนเซนเตอร์แบ็กจำเป็นแทน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่พักยาว โดยเกมเมื่อคืนวันพุธที่ "หงส์แดง" บุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 นั้น แข้งเลือดแซมบ้าวัย 26 ปี มีสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกันได้ถึง 8 ครั้ง แถมเคลียร์บอลทิ้งถึง 9 หน ซึ่งก็รวมถึงจังหวะเคลียร์บอลจากเส้นประตูช่วงท้ายครึ่งแรก ที่เจ้าตัวได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก

 – เซนเตอร์แบ็ก : คริสเตียน โรเมโร่ (อตาลันต้า, เรตติ้ง 8.52)
  แนวรับชาวอาร์เจนไตน์วัย 22 ปี คุมแนวรับได้แข็งแกร่งสุดๆ ในเกมที่ช่วยต้นสังกัดบุกยำ มิดทิลแลนด์ 4-0 เมื่อคืนวันพุธ โดยชนะดวลลูกกลางอากาศถึง 5 หน แถมเป็นคนแอสซิสต์ให้ ดูวาน ซาปาต้า ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ด้วย

 – แบ็กซ้าย : ดานิโล่ (ยูเวนตุส, เรตติ้ง 8.27)
  ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งของ ยูเวนตุส ต่างมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของ whoscored.com โดย ดานิโล่ เล่นได้แจ่มทั้งรับและรุกในเกมที่ "ม้าลาย" บุกพิชิต ดินาโม เคียฟ 2-0 ซึ่งเจ้าตัวมีสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกันถึง 6 ครั้ง แถมเลี้ยงบอลได้พลิ้วสุดๆ ด้วยสถิติพาบอลผ่านนักเตะคู่แข่งได้ 5 หน

 – กองกลาง : โยซัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค, เรตติ้ง 8.36)
  เป็นอีกหนึ่งแข้ง "เสือใต้" ที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเล่นในตำแหน่งไหน โดยเกมเมื่อคืนวันพุธที่ บาเยิร์น เปิดบ้านกระซวก แอตเลติโก มาดริด 4-0 นั้น คิมมิช เล่นได้โดดเด่นสุดๆ ในแผงมิดฟิลด์ เพราะนอกจากมีสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกันได้ถึง 5 ครั้งแล้ว ยังเป็นคนแอสซิสต์สุดแม่นให้ คิงส์ลี่ย์ โกมัน ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ด้วย

 – กองกลาง : ลีออน โกเร็ตซ์ก้า (บาเยิร์น มิวนิค, เรตติ้ง 8.16)
  เล่นได้โดดเด่นเคียงข้างกับ คิมมิช โดยเกมที่ บาเยิร์น ไล่ทุบ "ตราหมี" 4-0 นั้น นอกจากทำได้ 1 ประตูแล้ว โกเร็ตซ์ก้า ยังมีเปอร์เซนต์ผ่านบอลเข้าเป้าสูงถึง 95.7% แถมมีสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกัน 3 ครั้ง


 

 – ปีกขวา : เตเต้ (ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค, เรตติ้ง 8.54)
  แข้งเลือดแซมบ้าวัย 20 ปี เล่นได้เข้าตามากๆ ในเกมที่ช่วย ชัคตาร์ บุกไปพลิกล็อกเอาชนะ เรอัล มาดริด 3-2 เมื่อคืนวันพุธ โดยนอกจากทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ แล้ว ยังโชว์พลิ้วพาบอลผ่านนักเตะทีมคู่แข่งได้ถึง 3 หน

 – ปีกซ้าย : คิงส์ลี่ย์ โกมัน (บาเยิร์น มิวนิค, เรตติ้ง 9.57)
  เป็นแข้ง "เสือใต้" รายที่สามที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม โดยเกมเมื่้อคืนวันพุธ โกมัน ซึ่งเป็นฮีโร่นัดชิงฯ ซีซั่นที่แล้ว โชว์ฟอร์มได้สุดยอดมากๆ เพราะนอกจากทำ 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์แล้ว เจ้าตัวยังสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตูรวมกันได้ถึง 4 หน

 – กองหน้า : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า, เรตติ้ง 10)
  แข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์วัย 33 ปี เล่นได้โดดเด่นเหลือเกินในเกมเมื่อวันอังคารที่ บาร์ซ่า เปิดบ้านยำ เฟเรนซ์วารอส 5-1 เพราะนอกจากทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์แล้ว เจ้าตัวยังมีสถิติเด่นๆ อีกเพียบ เช่น สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมลุ้นทำประตู 4 หน และเลี้ยงบอลผ่านนักเตะคู่แข่งถึง 7 ครั้ง
 
 – กองหน้า : ดูวาน ซาปาต้า (อตาลันต้า, เรตติ้ง 8.60)
  เป็นอีกหนึ่งแข้ง อตาลันต้า ที่เล่นได้ดีมากๆ ในเกมบุกต้อน มิดทิลแลนด์ 4-0 โดย หัวหอกร่างยักษ์ทีมชาติโคลอมเบียวัย 29 ปี ทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ซึ่งทั้งเกมเจ้าตัวมีโอกาสลุ้นทำประตูถึง 5 หน และเป็นการส่องตรงกรอบ 3 ครั้ง

ถึงเวลาโชต้า?คาดการณ์11ตัวจริงลิเวอร์พูลเกมดวลเชฟฯยูไนเต็ด

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่า มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะกลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในศึก พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง หลังแพ้ 1 เสมอ 1 ในสองเกมล่าสุด และคืนวันเสาร์นี้ พวกเขาจะได้กลับมาเล่นที่ แอนฟิลด์ โดยมีคิวดวลกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมรองบ๊วย ที่ยังไม่ชนะใครจากการลงเตะ 5 นัด (เสมอ 1 แพ้ 4) ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ การจัดทัพของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมนี้ เพราะด้วยการที่เจอกับทีมที่ไม่หนักมากอย่าง "ดาบคู่" มันก็มีความเป็นไปได้ที่ ยอดกุนซือชาวเยอรมันวัย 53 ปี อาจจะมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในแนวรุก และนี่คือโฉมหน้า 11 ผู้เล่นตัวจริง ลิเวอร์พูล 2 รูปแบบ ที่ คล็อปป์ อาจเลือกมาใช้ดวลกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด
– จัดเต็มเหมือนเดิม (4-3-3)
    ด้วยการที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ยังคงไม่ฟิต ทำให้นายทวารมือสองอย่าง อาเดรียน จะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงต่อไป ส่วนแนวรับสี่คนยังไงก็ยังต้องยึดชุดที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ โดย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนแบ็กขวา ส่วนทางซ้ายเป็น แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ขณะที่คู่เซนเตอร์แบ็กนั้น ฟาบินโญ่ จะยืนคู่กับ โจ โกเมซ แน่นอน หลังทั้งสองเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในเกมบุกเชือด อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 เมื่อคืนวันพุธ


 

    แดนกลางสามคน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม น่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงในบทบาทกลางรับ หลังจากที่ลงสำรองในเกมเจอกับ อาแจ็กซ์ ส่วนสองมิดฟิลด์ที่จะยืนอยู่ข้างๆ น่าจะเป็น จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม และ นาบี เกอิต้า ขณะที่แนวรุกจะเป็นสามประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เหมือนเดิม

 

– โชต้า ได้เวลาโชว์
    สำหรับทีมชุดนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ คล็อปป์ โดยตำแหน่งผู้รักษาประตูและแผงกองหลังยังเป็นชุดเดิม แต่แดนกลางจะให้ดาวรุ่งคนเก่งของทีมอย่าง เคอร์ติส โจนส์ ลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกับ เฮนเดอร์สัน และ ไวจ์นัลดุม

 

    ไฮไลต์ของทีม 11 ตัวจริงชุดนี้อยู่ที่แนวรุกสามตัว เพราะระยะหลังๆ มานี้เหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" เริ่มมีการเรียกร้องให้ คล็อปป์ ลองดร็อป ฟีร์มีโน่ เป็นตัวสำรองบ้าง หลังจากที่ กองหน้าจอมลีลาชาวบราซิเลียนวัย 29 ปี ยังทำประตูไม่ได้เลยในฤดูกาลนี้ ประกอบกับการที่ ดิโอโก้ โชต้า ปีกตัวใหม่ชาวโปรตุกีส ทำผลงานได้เข้าตาทุกครั้งที่ได้ลงเล่น ซึ่งนั่นทำให้เกมนี้ คล็อปป์ อาจจะให้โอกาส โชต้า สตาร์ทเป็นตัวจริงในแนวรุกทางฝั่งซ้ายตามถนัด โดยจะโยก มาเน่ ไปเล่นทางขวา ส่วน ซาลาห์ ยืนหน้าเป้า

สื่อเผย4แข้งดังที่ “โซลชา” อดได้ร่วมทัพแมนยู

เล็งเอาไว้เพียบ แต่ได้อะไรมา?… อีเอสพีเอ็น เผยรายชื่อ 4 นักเตะดังที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดได้ตัวมาร่วมทีมซัมเมอร์นี้ ซึ่งก็รวมถึง 2 แข้งระดับสตาร์ในเวที พรีเมียร์ลีก ด้วย
               แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประสบความล้มเหลวในการปิดดีล 4 แข้งเป้าหมายหลักที่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อยากได้ตัวมาร่วมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งประกอบไปด้วย เจดอน ซานโช ปีกดาวดัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แจ็ค กรีลิช กองกลางกัปตันทีม แอสตัน วิลล่า, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เซนเตอร์แบ็ก แอร์เบ ไลป์ซิก และ นาธาน อาเค่ กองหลังชาวดัตช์ ที่เพิ่งย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง เมื่อสองเดือนก่อน ตามรายงานจาก อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาชั้นนำระดับโลก เมื่อวันพุธที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

              ตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ เพิ่งปิดตัวลงไปเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม ซึ่งรวมแล้ว "ปีศาจแดง" ได้แข้งใหม่มาร่วมทีม 6 ราย ได้แก่ เอดินสัน คาวานี่ (ฟรี), อเล็กซ์ เตลลิส (จาก ปอร์โต้), ฟากุนโด้ เปยิสตรี้ (จาก เปนญารอล), อาหมัด ดิยัลโล่ ตราโอเร่ (จะย้ายจาก อตาลันต้า ช่วงเดือนมกราคม) , วิลลี่ ก็อมบวาล่า (จาก โซโชซ์) และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ดึงมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้สำเร็จก่อนหน้านี้

             อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อีเอสพีเอ็น ระบุว่า กลุ่มนักเตะที่ได้มาไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ โซลชา ต้องการแม้แต่รายเดียว เพราะความจริงแล้ว กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนวัย 47 ปี อยากได้ ซานโช และ กรีลิช มาช่วยยกระดับเกมรุก และต้องการที่จะดึง อูปาเมกาโน่ กับ อาเค่ มาเสริมแนวรับ โดยเฉพาะในรายหลังสุดนั้น สุดท้ายถูกอริร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ ฉกตัวไปจาก บอร์นมัธ ด้วย

            กระนั้น อีเอสพีเอ็น รายงานเพิ่มเติมว่า โซลชา ได้มีการปรึกษาหารือกับบอร์ดบริหารเกี่ยวกับบรรดานักเตะทั้ง 6 คนที่ย้ายมาร่วมทีมเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวก็โอเคกับทุกรายที่ตบเท้าเข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เจดอน ซานโช

แจ็ค กรีลิช

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่

นาธาน อาเค่