อดีตเด็กลิเวอร์พูลเผยตั้งใจอัดเพื่อนเพราะอยากเล่นชุดใหญ่

ทอม บรูวิตต์ อดีตแข้งในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล เปิดอก เคยตั้งใจอัด แดเนี่ยล เคลียรี่ เพราะอยากลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ "หงส์แดง" พร้อมเผย แม้ว่าจะรู้สึกแย่ที่ทำให้เพื่อนเจ็บ แต่ก็ไม่เคยละอายกับการกระทำของตัวเองเลย

ทอม บรูวิตต์ อดีตกองหลังในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่าตนเคยตั้งใจทำให้ แดเนี่ยล เคลียรี่ เพื่อนร่วมทีมเยาวชน "หงส์แดง" ได้รับบาดเจ็บในการซ้อม เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่มากกว่าเดิมในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 ฤดูกาล 2015-16 ที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ เอ็กเซเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2016

ก่อนถึงนัดดังกล่าว เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ส่อแววว่าจะต้องเรียกใช้งานนักเตะจากอะคาเดมี่ในระดับหนึ่ง หลังจากแข้งในทีมชุดใหญ่หลายคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง บรูวิตต์ อยู่ในข่ายที่อาจจะถูกดึงไปช่วยทีม แต่กองหลังชาวอังกฤษก็มี เคลียรี่ เป็นคู่แข่งโดยตรงในเรื่องนั้น

แข้งวัย 23 ปี ที่ปัจจุบันกลายเป็นนักเตะไร้สังกัด เผยในรายการพ็อดแคสต์รายการหนึ่งว่า "ไม่ว่าต้องทำอะไรก็ตามเพื่อที่จะได้ลงเล่น ผมก็ยินดีที่จะทำมัน ต่อให้มันจะเป็นการทำร้ายร่างกายบางคน หรือทำลายความสัมพันธ์ของผมกับเขา ผมก็ยินดีที่จะทำ ผมก็แค่อยากเล่นให้ ลิเวอร์พูล มากๆ ผมต้องการแค่นั้น ผมตัดสินใจขั้นเด็ดขาด มันมีแค่ผมหรือไม่ก็เขาที่น่าจะได้ลงเล่น ดังนั้นผมเลยจ้องเล่นงานเขาในการซ้อม"

"ในการซ้อมทั้งช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส และในช่วงระหว่างคริสต์มาสกับปีใหม่น่ะผมตั้งใจไปยืนข้างๆ เขาทั้งในตอนซ้อมการครองบอลรวมถึงตอนที่แบ่งทีมแข่งกัน และผมก็เตะเขา ผมไม่ได้ถึงขั้นพยายามที่จะทำให้เขาเจ็บหนักอะไรหรอกนะ ผมก็แค่พยายามทำให้เขาเจ็บมากพอที่จะทำให้เขาต้องหมดสิทธิ์ลงเล่น แล้วผมจะได้มีโอกาสลงสนามก็เท่านั้น"

"มันเกิดขึ้นในช่วงก่อนเกมกับ เอ็กเซเตอร์ 1 สัปดาห์ ตอนนั้นเราซ้อมแบบแบ่งทีมฝั่งละ 7 คน ผมจับบอลแรงไปนิดหน่อย (จนทำให้บอลลั่น) แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาเพื่อจะสกัดใส่ผม ผมกะจังหวะรอนานไปนิดๆ แล้วก็พุ่งเข้าใส่เขา มันเป็นการเข้าสกัดที่แย่ ผมรู้ดีว่ามันเป็นอย่างนั้น ผมตั้งใจเข้าสกัดแบบนั้น"

"แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจกับมันเลย แต่ผมก็ไม่รู้สึกละอายใจที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะในหัวของผมมันคิดถึงแค่เรื่องที่ว่ามีแค่ผมหรือเขาเท่านั้นที่จะได้ลงเล่น และสุดท้ายผมก็เลือกตัวเอง หลังจากนั้นมันก็มีการทะเลาะกันนิดหน่อย และผมคิดว่าเขาโดนไล่ออกจากสนามซ้อมเพราะปฏิกิริยาของเขา ซึ่งมันถือเป็นการตัดสินใจ (ของสตาฟฟ์) ที่เหมาะสมแล้วเพราะปฏิกิริยาของเขาอาจจะรุนแรงไปหน่อย ส่วนผมก็ได้ซ้อมจนจบ"

"หลังจากนั้นเขาก็ต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดินประมาณ 2 สัปดาห์ มันเลยไม่ได้ให้ความรู้สึกประมาณว่า -ภารกิจสำเร็จ- สักเท่าไหร่ เพราะผมคิดว่ามันเป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิดนิดๆ เนื่องจากเดิมทีผมไม่ได้อยากทำให้เขาบาดเจ็บเลย ผมแต่อยากให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นก็เท่านั้น"

หลังจากได้ฟังการเปิดใจของอดีตเพื่อนน่วมทีมนั้น เคลียรี่ ซึ่งปัจจุบันเล่นให้ ดันดอล์ค ทีมในประเทศไอร์แลนด์ก็โพสต์ตอบโต้ไปว่า "การดับไฟบนเทียนของคนอื่นมันไม่ได้ทำให้ไฟบนเทียนของแกมันสว่างขึ้นทันที โชคดีโคตรๆ ที่วันนั้นฉันเอาตัวรอดจากการสกัดครั้งนั้นได้โดยที่ขาไม่หักเป็น 2 ท่อน" โดยในเวลาต่อมาทางเจ้าของรายการพ็อดแคสต์ได้ลบคำเปิดใจของ บรูวิตต์ ทิ้งไปจน เคลียรี่ ก็ออกมาโพสต์ตอกกลับทันที

ทั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้ว บรูวิตต์ ก็ไม่ได้ลงเล่นในเกมกับ เอ็กเซเตอร์ อยู่ดี เพราะเขามีอาการกระทบกระเทือนทางสมองในช่วง 4 วันก่อนถึงเกมการแข่งขัน หลังจากไปโขกโดนด้านหลังของเพื่อนร่วมทีมในจังหวะที่พยายามจะขึ้นโหม่งบอล

เสียหายแค่ไหน?นักข่าวดังเผยความคืบหน้าอาการเจ็บฟานไดค์

เดวิด ออร์นสไตน์ เหยี่ยวข่าวของอังกฤษ ระบุ อาการเดี้ยงของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล เลวร้ายกว่าที่คิดกันในตอนแรก โดยยังไม่รู้ว่าเขาจะรับการผ่าตัดเมื่อไหร่ด้วย
    เดวิด ออร์นสไตน์ นักข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูงของประเทศอังกฤษเปิดเผยว่าอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล มันรุนแรงกว่าที่คิดกันเอาไว้

    ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ที่ ลิเวอร์พูล ออกไปเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ฟาน ไดค์ โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 11 หลังจากโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" พุ่งกระแทกใส่อย่างรุนแรง โดยตอนแรกมีการระบุว่าอาการบาดเจ็บของเขาอยู่ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า จนทำให้เชื่อกันว่าเขาน่าจะต้องพักหลายเดือน รวมถึงถ้าเลวร้ายที่สุดคืออาจจะต้องอดลงเล่นตลอดทั้งซีซั่นนี้

    ออร์นสไตน์ เผยว่า "ในแง่ของอาการบาดเจ็บนั้น คือผมรู้มาว่า ต้องย้ำก่อนนะว่านี่เป็นเพียงข้อมูลที่ผมได้รับมา มันไม่ใช่การประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ความเสียหายตรงเข่าขวาของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อาจจะเลวร้ายกว่าที่กลัวกันในตอนแรก และอาจจะเป็นมากกว่าแค่ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า"

    "คือผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดังนั้นมันก็คงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ที่จะมาจุดประเด็นข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ หรือพูดรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ แต่ผมก็แค่อยากแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับมา และมันอาจจะหมายความว่าเราจะไม่ได้เห็น ฟาน ไดค์ กลับมาเล่นในสนามจนกว่าจะถึงฤดูกาลหน้า ตอนนี้เขาจะรับการผ่าตัด ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมีขึ้นเมื่อไหร่ เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ฟาน ไดค์ และคนที่ใกล้ชิดกับเขา"

เหมาะสมแล้ว!เฮนโด้เผยโหวตเดอบรอยน์ยอดเยี่ยมพีเอฟเอ

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ระบุ ตนเลือกให้ เควิน เดอ บรอยนต์ เป็นเจ้าของรางวัลแข้งยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ ซีซั่นก่อน พร้อมบอกว่า เดอ บรอยน์ สมควรได้รับรางวัลนั้น

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล เปิดเผยว่าตนโหวตให้ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2019-20 ไปครอง แม้ว่ามันจะส่งผลกับโอกาสการได้รางวัลของตัวเองก็ตาม

ซีซั่นก่อน เฮนเดอร์สัน ทำผลงานได้โดดเด่นอย่างมากจนมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกไปครองเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งมันก็ทำให้บางคนเชื่อว่าเขาสมควรได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ แต่ฤดูกาลที่แล้ว เดอ บรอยน์ ก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสุดๆ เช่นกัน และสุดท้ายก็เป็นดาวเตะชาวเบลเยียมที่ได้รางวัลนั้นไปครอง

เฮนเดอร์สัน เผยว่า "ผมโหวตให้ เควิน ได้รางวัล พีเอฟเอ ต่อให้ผมจะพูดชมเขาในฐานะนักเตะมากแค่ไหนมันก็พูดไม่หมดหรอก เขาสมควรได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ผมคิดว่าฤดูกาลที่แล้วเขาทำผลงานได้ยอดเดยี่ยม แต่ที่จริงเขาก็เล่นได้โดดเด่นมานานแล้วล่ะนะ เขาเป็นนักเตะระดับโลก เขาอาจจะเป็นกองกลางที่เก่งที่สุดในโลกด้วยซ้ำ ผมรู้สึกว่าเขาทำได้ดีมากทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม ผมเป็นแฟนตัวยงของเขาเลยล่ะ"

ทั้งนี้ กฎการโหวตของ พีเอฟเอ ก็คือห้ามนักเตะคนใดคนหนึ่งโหวตให้ตัวเอง และห้ามทำการโหวตให้เพื่อนร่วมทีมด้วย

 

    

พร้อมช่วยแมนยู!คาวานี่โชว์เร่งวิ่งเรียกฟิต

เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกป้ายแดงของ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นว่ามุ่งมั่นกับการช่วยทีมเมื่อโชว์คลิปตอนวิ่งเรียกความฟิตให้กับตัวเอง ซึ่งมันก็มีคนเข้าไปดูคลิปนั้นอย่างล้นหลามด้วย
    เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โพสต์คลิปที่ตัวเองกำลังวิ่งเพื่อทำให้มีสภาพความฟิตที่ดี โดยช่วงหนึ่งเขายังใส่ชุดซ้อมของ "ปีศาจแดง" ในตอนที่ออกกำลังกายด้วย

    คาวานี่ เพิ่งบรรลุขั้นตอนย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไร้ค่าตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าแข้งวัย 33 ปี จะพร้อมช่วยทีมในทันทีรึเปล่า เพราะครั้งล่าสุดที่เขาได้ลงเล่นในเกมแบบเป็นทางการก็ต้องย้อนไปถึงช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเลย

    ทั้งนี้ นอกจากจะโพสต์คลิปที่ตัวเองวิ่งบนเครื่องออกกำลังกายแล้วนั้น คาวานี่ ยังพิมพ์ข้อความด้วยว่า "เวลาไม่เคยหยุดเดิน" ซึ่งมันก็มีคนเข้าไปดูคลิปที่ว่าเกิน 1.4 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว และมีคนโพสต์ข้อความตอบกลับหลายแบบ อย่างเช่น "อายุเป็นเพียงตัวเลข" และ "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กำลังรอนายอยู่" เป็นต้น

ทำความรู้จักหวานใจ อเล็กซ์ เตลลิส สาวเด็กแนวสวยเซ็กซี่

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แบ็กซ้ายตัวใหม่ที่ว่ากันว่าเก่งไม่ใช่เล่นนั่นก็คือ อเล็กซ์ เตลลิส ฟูลแบ็กชาวบราซิเลียน มาจาก ปอร์โต้ โดยนักเตะตัดสินใจจรดปากกาเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นเวลา 4 ปี โดยที่มีออปชั่นเซ็นเพิ่มอีก 1 ปี
    เรื่องฝีเท้าของ เตลลิส คงไม่ต้องพูดถึงเพราะผลงานที่เจ้าตัวผลิตเอาไว้กับ ปอร์โต้ มันช่างโดดเด่นจน "ปีศาจแดง" ต้องทาบทามให้มาอยู่กับทีม แต่สิ่งที่น่าสนใจพอๆ กับฝีเท้าของเขาก็คือแฟนสาวที่ชื่อ พริสซิลล่า มินูซโซ่ ซึ่งเป็นอิสตรีมากความสามารถและยังเป็นสาวใจบุญชอบทำงานด้านมูลนิธิ, สาวฮิพฮอพ และวัฒนธรรมแบบสตรีท คัลเจอร์

    พริสซิลล่า เป็นเด็กแนวตัวจริงเสียงจริงโดยเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมก่อตั้ง Fluencia Hip Hop House ซึ่งเป็นองค์กรที่เน้นการอบรมเพื่อเปลี่ยนแปลงและปลดแอกสังคม  ขณะเดียวกันเธอกับ เตลลิส เข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อปี 2018 โดยทั้งสองคนลั่นวาจาต่อหน้าบาทหลวงที่บ้านเกิดประเทศบราซิล

    สำหรับตอนนี้ พริสซิลล่า กับ เตลลิส ต้องย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ได้รู้จักตัวตนของหวานใจแบ็กซ้ายเลือดแซมบ้า งานนี้ "เดอะ ซัน" สื่อดังในประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยข้อมูลเบาๆ ที่น่าสนใจของสาวสวยเด็กแนวรายนี้


 

ฮิพฮอพ
    ในปี 2019 พริสซิลล่า ได้ช่วยก่อตั้ง Fluencia Hip Hop House ในประเทศบราซิล โดยเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ, วัยรุ่น และคนหนุ่มสาวที่มีพื้นเพยากจนโดยรวมเข้ากับสังคมผ่านการเต้นเบรกแดนซ์, ศิลปะกราฟฟิตี้ รวมทั้งการเป็นดีเจ และเอ็มซี  รวมไปถึงช่วยเหลือผู้ที่เคราะห์ร้าย และช่วยดูแลทางด้านจิตใจ โดยปัจจุบันองค์กรนี้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากกว่า 70 รายแล้ว

งานวิวาห์ในฝัน
    แม้ว่า พริสซิลล่า จะเป็นคนที่เก็บเรื่องชีวิตส่วนตัวเอาไว้เป็นความลับ แต่เธอได้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับ เตลลิส  เหมือนดั่งเทพนิยาย โดยพวกเขาได้ลั่นวาจาสัญญารักที่ กาชีอัส ดู ซูล ซึ่งเป็นเมืองเกิดของทั้งคู่ และโบสถ์ที่ใช้ในการทำพิธีสำคัญก็คือมหาวิหารเซา  เปลเลกริโน่


 

    นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ชูเอา เปโดร เกร์กอล นักไวโอลินชื่อดังมาทำหน้าที่ขับกล่อมเสียงเพลง และร้องเพลงพิเศษก่อนที่ พริสซิลล่า จะเดินเข้ามาภายในมหาวิหารเพื่อทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ สำหรับการยืนยันต่อพระเจ้าในการใช้ชีวิตคู่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    หลังจากงานวิวาห์อย่างเป็นทางการแล้วทั้งสองคนได้จัดเลี้ยงปาร์ตี้ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาเป็นสักขีพยาน โดยงานนี้ แบ็กซ้ายใหม่แกะกล่องแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังได้สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกด้วยการขับกล่อมเสียงเพลงให้กับภรรยาของเขาด้วย

ยอมแล้วอังกฤษ!วาน-บิสซาก้าบอกเป็นนัยอาจเล่นให้ชาติอื่น

ดูเหมือนว่า อารอน วาน-บิสซาก้า เลือกที่จะไม่เล่นทีมชาติอังกฤษ เสียแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวเปลี่ยนสัญลักษณ์ธงอังกฤษ เป็นธงชาติอื่น ในสื่อโซเชียล มีเดีย ส่วนตัว ขณะเดียวกัน วาน-บิสซาก้า เองก็ไม่มีชื่อติดทีมสิงโตคำรามชุดใหญ่ ในช่วงสัปดาห์ ฟีฟ่า เดย์ ล่าสุด

ทีมชาติอังกฤษ ชุดปัจจุบัน อุดมไปด้วยผู้เล่นตำแหน่งแบ็กขวาฝีเท้าเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รีซ เจมส์, ไคล์ วอล์คเกอร์ รวมถึง คีแรน ทริปเปียร์ จึงทำให้โอกาสติดทัพทรี ไลออนส์ ของ อารอน วาน-บิสซสก้า แบ็กขวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ริบหรี่ลงไป ซึ่งจากรายชื่อทีมชาติอังกฤษชุดล่าสุด ก็ไม่มีชื่อของเจ้าตัวติดอยู่ในทีม

ล่าสุด วาน-บิสซาก้า วัย 22 ปี ได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ธงทีมชาติใน อินสตาแกรม ส่วนตัว จากธงทีมชาติอังกฤษ เป็นธงทีมชาติคองโก ซึ่งเป็นการสื่อได้ว่าเขาอาจจะเลือกรับใช้ คองโก แทนที่ สิงโตคำราม ที่ยังไม่ได้รับโอกาสเสียที ซึ่งในอดีต วาน-บิสซาก้า ก็เคยรับใช้ทีมชาติคองโก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีมาแล้วในนัดที่ปะทะกับทีมชาติอังกฤษ รุ่นเดียวกัน และต่อมาเขาก็ย้ายมาเล่นให้ อังกฤษ ชุดรุ่นไม่เกิน 20 ปี และ 21 ปี ตามลำดับ

สำหรับ กรณีของ วาน-บิสซาก้า จะคล้ายๆ กับ กรณีของ วิลฟรีด ซาฮา ที่ปฏิเสธการเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุด โดยรายหลังเลือกรับใช้ทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ชุดใหญ่แทน

วอล์คเกอร์แน่นเว่อร์! ตัดเกรดแข้งอังกฤษแซงคว้าชัยเหนือเบลเยี่ยม

"สิงโตคำราม" ขยับขึ้นมารั้งจ่าฝูงของกลุ่ม 2 สายเอ ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้สำเร็จหลังพลิกแซงชนะ เบลเยี่ยม 2-1 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดี้ยม โดยเกมนี้ครึ่งแรกลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ค่อนข้างเป็นรองผู้มาเยือนและยังโดนยิงประตูขึ้นนำก่อนด้วย แต่มาซัดตีเสมอจากลูกจุดโทษ ขณะที่ครึ่งหลังทีมเล่นดีขึ้นมากจนกระทั่งมาได้ประตูชัยแบบมีโชคเล็กน้อย สำหรับ "เอ็มวีพี" ของเกมนี้ต้องยกให้กับปราการหลังคนหนึ่งที่ช่วยเกมรับในหลายๆจังหวะ มาดูผลงานแข้งอังกฤษแต่ละคนกัน

จอร์แดน พิคฟอร์ค 6

ไม่ได้เจอบททดสอบมากนัก ประตูที่เสียก็มาจากจุดโทษ มีออกมาตัดบอลกลางอากาศพลาดบ้าง แต่ชดเชยด้วยการเปิดบอลยาวขึ้นหน้าสุดแม่นยำ

ไคล์ วอล์คเกอร์ 8

“แมน ออฟ เดอะ แมตช์” พอถูกจับมาเล่นเซนเตอร์แบ็กเลยไม่ได้เติมสูงมาก แต่ต้องชมเรื่องการเล่นเกมรับ มีความเฉียบขาดในการอ่านเกมและใช้ความเร็วในการตัดบอล เคลียร์บอลถึง 5 ครั้งและยังบล็อกลูกยิงสำคัญอีก 2 ครั้งด้วย

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 6

กลับมาคืนทัพนัดแรกนับตั้งแต่คดีฉาว มีปัญหาในการรับมือ ลูกากู อยู่บ้างในช่วงครึ่งแรกแต่เวลาผ่านไปเริ่มมั่นใจขึ้น ยังไม่มีจังหวะผิดพลาดชัดเจน

เอริก ดายเออร์ 5.5

สไลด์ ลูกากู จนทำทีมเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสีย หลังจากนั้นมีปั่นป่วนเหมือนกันเมื่อเจอเกมบุกพายุของเบลเยี่ยม แต่ครึ่งหลังทำผลงานดีขึ้น

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 6

ยังคงมีปัญหาเมื่อต้องเล่นเกมรับ แต่ต้องชมการโยนบอลยาวสุดแม่นยำให้ คีแรน ทริปเปียร์ จนเป็นที่มาของประตูชัย

เดแคลน ไรซ์ 7

มีปัญหาในการรับมือการเคลื่อนที่ของ เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ช่วงหนึ่ง แถมเสียใบเหลืองในครึ่งแรกด้วย ทว่าครึ่งหลังเล่นดีขึ้นมาก ทั้งมีส่วนตัดเกมแดนกลาง ช่วยเกมรับและทำให้ทีมครองบอลบุกสู้ได้มากขึ้นกว่าครึ่งแรก

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6

เป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีม ยังคงมีความนิ่งทว่าลูกพลิกแพลงไม่ค่อยมีซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่บางทีทีมต้องการจ่ายบอลสร้างเกมรุกจากเขามากกว่านี้

คีแรน ทริปเปียร์ 7

ยังคงถูกจับมาเล่นฝั่งซ้ายในช่วงที่ทีมขาดนักเตะซึ่งดูไม่ค่อยถนัดนักแต่ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง มีส่วนร่วมกับประตูที่สองด้วยการแอสซิสต์ให้ เมสัน เมาน์ท

เมสัน เมาน์ท 7

ออกสตาร์ทตัวจริงแบบเซอร์ไพรส์เพราะหลายคนคิดว่า แจ็ค กรีลิช ที่ฟอร์มดีจะลงต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ทางฝั่งขวา แต่บทบาทเงียบเกือบทั้งเกม ช่วยเกมรุกได้น้อย ก่อนโยกมาฝั่งซ้ายสักพักและทำประตูชัยแบบมีเฮง

มาร์คัส แรชฟอร์ด 7

เป็นคนยิงจุดโทษให้ทีมตีเสมอ ในสามแนวรุกตัวจริงเกมนี้ แรชฟอร์ด มีบทบาทมากที่สุดและปั่นป่วนคู่แข่งได้ดีที่สุดโดยเฉพาะครึ่งหลัง แต่ปัญหาของเจ้าตัวยังคงเป็นจังหวะสุดท้ายและบางครั้งดึงบอลกับตัวไว้นานเกินไป

โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน 6

หลายจังหวะยังไม่เป็นใจ ครึ่งแรกบอลมาถึงเขาน้อย แต่บทบาทมากขึ้นในครึ่งหลังและโอกาสยิงเริ่มมามากขึ้นเรื่อย ๆก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

คัลวิน ฟิลลิปส์ 6 (ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.66)

ลงมาทำให้แดนกลางแน่นขึ้น

แฮร์รี่ เคน 5 (ลงมาแทน โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน น.66)

มีโอกาสทองที่โขกประตูปิดกล่องแต่พลาดแบบเหลือเชื่อ

รีซ เจมส์ 6 (ลงมาแทน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น.79)

เพิ่มความสดทางฝั่งขวา

เจดอน ซานโช่ – (ลงมาแทน เมสัน เมาน์ท น.89) ลงมาท้ายเกมแล้ว

อย่างหล่อ!ซาลาห์ช่วยคนไร้บ้านจากอันธพาล

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะคนดังของ ลิเวอร์พูล โชว์ความใจบุญด้วยการช่วยคนเร่ร่อนที่กำลังโดนอันธพาลดูถูก แถมยังให้เงินเขาด้วย
    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกคนเก่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วยเหลือ เดวิด เคร็ก ชายไร้บ้านคนหนึ่งจากการโดนกลุ่มอันธพาลพูดจาว่าร้ายใส่

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ อาร์เซน่อล 3-1 ในเกมลีก เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยตอนแรก ซาลาห์ ขับรถไปเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งใกล้กับสนามเหย้าของต้นสังกัด แต่แล้วเขาก็เห็นว่ามีอันธพาลกลุ่มหนึ่งเข้าไปล้อเลียน เคร็ก อย่างเช่นการไล่ให้เขาไปหางานทำ หรือถามว่าทำไมเขาถึงมาเป็นขอทาน เป็นต้น

 

    พอเห็นแบบนั้น ซาลาห์ ก็ตรงเข้าไปตำหนิอันธพาลกลุ่มนั้นทันที โดยบอกไปว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบเดียวกับ เคร็ก ก็ได้ ซึ่งหลังจากไล่อันธพาลกลุ่มดังกล่าวไปได้แล้วนั้นดาวเตะชาวอียิปต์ก็ตรงไปที่ตู้เอทีเอ็มแล้วถอนเงินมา 100 ปอนด์ (ประมาณ 4,000 บาท) เพื่อนำไปมอบให้ เคร็ก

    ทั้งนี้ เคร็ก เผยว่าตนประทับใจกับการกระทำของ ซาลาห์ มากๆ พร้อมยกย่องอีกฝ่ายว่าเป็นฮีโร่ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย "โม ทำตัวนอกสนามได้วิเศษพอๆ กับตอนลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในสนาม เขาได้ยินกลุ่มอันธพาลพูดบางอย่างกับผม จากนั้นเขาก็หันไปหาคนกลุ่มนั้นแล้วบอกว่า -อีกไม่กี่ปีต่อจากนี้พวกแกอาจจะเป็นแบบนี้เหมือนกันก็ได้นะ- ผมมารู้ตัวว่าผมไม่ได้ฝันไปก็ตอนที่ โม ยื่นเงิน 100 ปอนด์ให้กับผม เขาเป็นตำนานที่แท้จริง"

    "เขาเห็นว่ามีอันธพาลมาพูดล้อเลียนผม พวกเขาเรียกชื่อผม ถามผมว่าทำไมผมถึงมาเป็นขอทาน และไล่ให้ผมไปหางานทำ แต่เขาก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพูดบางอย่างกับพวกเขา ก่อนที่จะไปยังตู้กดเงิน ผมยิ่งกว่าดีใจซะด้วยซ้ำ ผมเป็นแฟนตัวยงของเขา ในสายตาของผม โม เป็นฮีโร่ในความเป็นจริง และผมก็อยากจะขอบคุณเขาสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น"

    สำหรับ ซาลาห์ นั้น แสดงให้เห็นอยู่หลายครั้งว่าเป็นนักเตะที่ใจบุญสุดๆ อย่างเช่นการจ่ายเงินช่วยพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองจนทำให้ที่นั่นมีโรงพยาบาลกับโรงเรียนที่ดี เป็นต้น

เปิดใจครั้งแรก! “เวนเกอร์” เผยเหตุไม่เคยกลับไปเหยียบถิ่น อาร์เซน่อล อีกเลย

อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาเผยเหตุที่ไม่เคยกลับไปดูทีมเก่าลงแข่งขันที่ เอมิเรตส์ สเตดี้ยม เลยตั้งแต่ออกจากทีมไปในปี 2018

"มันเหมือนกับการมาถึงจุดสิ้นสุดของคนรักกัน" เวนเกอร์ กล่าวผ่าน The Guardian "และคุณเองก็ไม่สามารถพูดกับคนที่คุณรักได้อีกแล้ว"

"ผมไม่สามารถที่จะไปยังสนามซ้อม, ผมไม่สามารถที่จะไปยังสนามแข่งและทำได้แค่เพียงอยู่ในที่ของตัวเองเท่านั้น"

"มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากที่ทำหน้าที่มาตลอด 22 ปี และต้องยุติมันลงในทันที นี่เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากๆ"

"แต่ผมเองก็ต้องการตัดความสัมพันธ์กับสโมสรแบบเด็ดขาด เพราะสโมสรเองก็ต้องการแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจจะไม่กลับไปดูเกม แต่ก็ยังเชียร์ อาร์เซน่อล ด้วยแพสชั่นเท่าเดิม"

"เมื่อคุณทำงานหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว หลังจากนั้นคุณก็จะไม่เสียใจร้องไห้, จะไม่ก่นด่าและจะสามารถอยู่กับมันได้ ละสิ่งที่ผมเป็นอยู่ก็คือการเจ็บปวดแบบเงียบๆ เท่านั้น"

ผ่านไปแค่3นัด!เชลซีทาบสถิติตลอดทั้งซีซั่นก่อน

เกมเจ๊า เวสต์บรอมฯ ในนัดล่าสุดทำให้ เชลซี เสียประตูจากความผิดพลาดโดยตรงไปแล้ว 3 ครั้งในซีซั่นนี้ เท่ากับที่ทำไปตลอดทั้งฤดูกาลก่อน แถม ติอาโก้ ซิลวา ยังกลายเป็นแข้งเอาท์ฟิลด์คนแรกตั้งแต่ปี 2018 ที่ทำพลาดจนส่งผลให้ทีมเสียประตูในนัดประเดิมสนามด้วย

เชลซี เสียประตูจากความผิดพลาดโดยตรงของพวกเขาเองไปแล้ว 3 ครั้งในศีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาลนี้ ซึ่งเท่ากับที่พวกเขาเสียตลอดทั้งซีซั่นก่อนทั้งที่ฤดูกาลนี้เพิ่งผ่านมาเพียง 3 นัด ตามการเปิดเผยของ อ็อปต้า สื่อด้านบันทึกสถิติชื่อดัง

ในนัดล่าสุดที่ เชลซี ไปเยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายน ที่่ผ่านมานั้น พวกเขาตามหลังไปก่อน 3 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่จะมารัว 3 ประตูในช่วงครึ่งหลังจนทำให้ได้ 1 คะแนนกลับบ้าน

ทั้งนี้ ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแค่นัดเดียว เชลซี  ก็เสียประตูจากความผิดพลาดโดยตรงไปถึง 2 หน โดยจังหวะแรกคือชอตที่ มาร์กอส อลอนโซ่ โหม่งบอลไม่ดีจนนำไปสู่ลูกแรกของ เวสต์บรอมฯ ส่วนหนที่สองคือชอตที่ ติอาโก้ ซิลวา ทำพลาดก่อนที่ คัลลั่ม โรบินสัน จะทำให้ "เดอะ แบ็กกี้ส์" หนีห่างเป็น 2-0

นอกจากนี้ ซิลวา ยังเป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์ (หมายถึงตำแหน่งอื่นนอกจากผู้รักษาประตู) คนแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2018 ที่ทำให้ทีมเสียประตูจากความผิดพลาดของตัวเองโดยตรงตั้งแต่นัดประเดิมสนามด้วย โดยคนสุดท้ายก่อนหน้านี้คือ อิสซ่า ดิย็อป ตอนที่ลงเล่นให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนัดที่เจอกับ อาร์เซน่อล