ใครดี? 4แข้งเหมาะย้ายมาเป็นตัวแทนฟานไดค์ตลาดหน้าหนาว

สืบเนื่องจากการที่ ลิเวอร์พูล กำลงประสบปัญหาในแนวรับ หลังจากต้องเสีย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บหนักจากเกม เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน
    ฟาน ไดค์ วัย 29 ปี ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวจากชอตที่โดน จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตู เอฟเวอร์ตัน พุ่งเข้าชนในนัดล่าสุดที่ "หงส์แดง" ออกไปเสมอกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" 2-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเขาจำเป็นต้องรับการผ่าตัด และเชื่อกันว่าในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดนั้นแข้งวัย 29 ปีก็อาจจะต้องพักทั้งฤดูกาลนี้เลย

    ส่งผลให้เวลานี้ ลิเวอร์พูล จะเหลือเพียง โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ที่เชื่อใจได้เท่านั้น แต่ก็สามารถจับ ฟาบินโญ่ ถอยไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์จำเป็น ซึ่งเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำผลงานได้ดี

    อย่างไรก็ตามช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ก็เป็นโอกาสที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะได้เสริมผู้เล่นเข้ามาใหม่ นี่คือ 4 นักเตะที่เหมาะย้ายมาเป็นตัวแทน ฟาน ไดค์

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ – ไลป์ซิก

    ปรากาหลังทีมชาติฝรั่งเศกลายเป็นหนึ่งในแนวรับที่เนื้อหอมมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรปในช่วงตลาดนักเตะเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากโชว์ผลงานสุดแจ่มให้ ไลป์ซิก ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็เคยมีข่าวให้ความสนใจมาแล้วด้วย

    อูปาเมกาโน่ เป็นกองหลังที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทำให้เขามีสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งดุดัน และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี โดยดาวเตะวัย 21 ปี เพิ่งจะจรดน้ำหมึกต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึงปี 2023 จนทำให้ค่าตัวของเขาน่าจะสูงพอตัว อย่างไรก็ตามในรายละเอียดสัญญาฉบับล่าสุดนั้นเจ้าตัวจะสามารถย้ายออกไปได้ในราคาเพียง 38 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,537 ล้านบาท) แต่จะสามารถใช้ได้เมื่อถึงตลาดซัมเมอร์ปีหน้าเท่านั้น 

คอเนอร์ เคาดี้ – วูล์ฟแฮมป์ตัน

    เคาดี้ เคยอยู่กับทีมชุดเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2011 แต่ได้ลงเล่นเพียงเกมเดียวในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ก่อนจะย้ายออกไปอยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (ยืมตัว), ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก่อนจะมาเป็นกำลังสำคัญให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน จนถึงปัจจุบัน

    ผลงานของดาวเตะวัย 27 ปี พัฒนาขึ้นตามลำดับช่วยให้แนวรับของทีม "หมาป่า" แข็งแกร่งสุดๆ จนกลายเป็นกัปตันทีมในเวลานี้ พร้อมกับถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่โดยลงเล่นไปแล้ว 3 เกม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่คงเนอีกดีลที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะ วูล์ฟส ก็ไม่ต้องการจะปล่อยตัวออกไปเช่นกัน    

โอซาน คาบัค – ชาลเก้

    ชื่อของ โอซาน คาบัค ปราการหลังดาวรุ่งจาก ชาลเก้ เคยโผล่เข้ามาเป็นเป้าหมายรายใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในการดึงมาเสริมแกร่งแนวรับในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาเสีย เดยัน ลอฟเรน กองหลังประสบการณ์สูงให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โดยคาดว่าเขาจะมีค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,630 ล้านบาท)

    ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความดุดัน มีทั้งความแข็งแกร่ง รวดเร็ว และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ทำให้เขาถูกสื่อต่างประเทศนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังจาก เรอัล มาดริด นอกจากนี้ คาบัค ยังเป็นนักเตะที่มีความกล้าลุยกล้าแลก ชนไม่ถอยจนถึงกับเคยจมูกหัก หน้าแตกมาแล้วในเกมเพลย์ออฟหนีตกชั้นกับยูเนียน เบอร์ลิน

เบน ไวท์ – ไบรท์ตัน

    ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวตามให้ความสนใจ ไวท์ วัย 22 ปี มาได้สักระยะแล้ว และล่าสุดมีรายงานด้วยว่าพวกเขาอาจเดินหน้าดึงมาเสริมทัพในตลาดหน้าหนาวนี้ แต่ "หงส์แดง" อาจต้องจ่ายเงินมากกว่า 50 ล้านปอนด์ (ราว 1,900 ล้านบาท)  ไม่งั้นต้นสังกัดของนักเตะไม่ปล่อยตัวแน่นอน

    แม้ว่าดาวเตะวัย 22 ปี จะไม่ได้เป็นกำลังหลักของ ไบรท์ตัน ในซีซั่นนี้แต่เมื่อมีโอกาสลงสนามเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีระดับหนึ่ง โดยย้อนไปในฤดูกาล 2019-20 เขาเป็นกำลังสำคัญในระหว่างเล่นให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว ได้แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับได้เลื่อนชั้นไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้

โรม่าหมายตาสามแต้ม,”เชโก้”ยืนหวดเบเนเวนโต้ของปิ๊ปโป้

"หมาป่ากรุงโรม" โรม่า จำเป็นต้องเก็บสามแต้มให้ได้ในรังของตนเอง เอดิน เชโก้ ยังคงเป็นกำลังสำคัญยืนซัดทีมเยือน เบเนเวนโต้ น้องใหม่ที่ผลงานร้ายไม่เบา คว้าชัยสองจากสามเกมแรกของซีซั่น แทบมีนายใหญ่อย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้ คอยสั่งการ ในการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563

ปรีวิวกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563
โรม่า (10) – เบเนเวนโต้ (8)
เวลา : 01.45 น.
สนาม : สตาดิโอน โอลิมปิโก

ทีม "จัลโล่รอสซี่" นัดล่าสุดคว้า 3 แต้มแรกในฤดูกาลนี้ได้ซักทีหลังบุกชนะอูดิเนเซ่ 1-0 โดยก่อนปิดตลาดยืมตัว บอร์ฆา มาโยรัล กองหน้าจากเรอัล มาดริด
สภาพทีมในเกมนี้ เปาโล ฟอนเซก้า นายใหญ่โรม่า จะยังไม่มี 2 แนวรุก นิโกโล่ ซานิโอโล่ และฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ที่ยังบาดเจ็บรวมไปถึง คริส สมอลลิ่งกองหลังที่ซื้อขาดจากแมนฯ ยูไนเต็ด จะยังไม่พร้อม

เกมนี้คาดว่าเจ้าถิ่นจะมาในระบบ 3-4-2-1 แนวรับจะวาง จานลูก้า มันชินี่ เล่นร่วมกับ มาราช คัมบูลล่า และ โรเจอร์ อิบันเญซ แดนกลางจะให้ จอร์แดน แวร์กตูต์ ประสานงานกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ แนวรุกมี เปโดร โรดริเกซ และ เฮนริค มคิทาร์ยานสนับสนุนหน้าเป้า เอดิน เชโก้

ทีม "แม่มด" ผลงานใช้ได้เลยนัดล่าสุดชนะ โบโลญญ่า 1-0 ทำให้ชนะมา 2 จาก 3 เกมแรกในลีกสภาพทีมในเกมนี้ "ปิ๊ปโป้" อินซากี้ นายใหญ่
เบเนเวนโต้ จะไม่มี เบนิโต้ วิโอล่า, อันเดรส เตลโญ่ และ เฟเดริโก้ บาร์บา ที่ยังบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม

เกมนี้ทีมเยือนแนวรับยังนำมาโดย คามิล กลิค จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ลูก้า คัลดิโรล่า ขนาบข้างด้วย คริสเตียน มาจโจ้ และ กาเอตาโน่ เลติเซีย แดนกลางจะใช้ เปอร์ปาริม เฮเตมาย ประสานงานกับ อาร์ตูร์ โยนิต้า สามแนวรุกวาง ยาโก้ ฟัลเก้, จานลูก้า คาปรารี่ และ จานลูก้า ลาปาดูล่า

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

โรม่า (3-4-2-1) : อันโตนิโอ มิรันเต้ – จานลูก้า มันชินี่, มาราช คัมบูลล่า, โรเจอร์ อิบันเญซ – ดาวิเด้ ซานตอน, ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, จอร์แดน
แวร์กตูต์, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า – เปโดร โรดริเกซ,เฮนริค มคิทาร์ยาน – เอดิน เชโก้

เบเนเวนโต้ (4-3-3) : ลอเรนโซ่ มอนติโป – คริสเตียน มาจโจ้, คามิล กลิค, ลูก้า คัลดิโรล่า,กาเอตาโน่ เลตเซยี – เปอรป์ ารมิ เฮเตมาย, ปาสกวาเล่ เชียตาเรลล่า, อาร์ตูร์ โยนิต้า – ยาโก้ ฟัลเก้, จานลูก้า คาปรารี่, จานลูก้า ลาปาดูล่า

 

โรม่าเล็งขยายสัญญาใหม่เชโก้ถึง2023

สื่อเผย! “หมาป่า”โรม่า เตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เอดิน เชโก้ กองหน้าตัวเก่งของทีมออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนปี 2023

โดยสัญญาปัจจุบันของกัปตันทีมวัย 34 ปีมีถึงวันที่ 30 มิถุนายนปี 2022 และรับค่าจ้างซีซั่นละ 7.5 ล้านยูโร ซึ่งการต่อสัญญาใหม่จะทำให้ได้รับโบนัสเพิ่มขึ้นด้วย

 

ประตู “ซาลาห์” ซัดลีดส์!ลุ้นยอดเยี่ยมเดือนกันยายน

ประตูสุดงามที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตะบันใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด เกมเปิดหัวลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ติด 1 ใน 8 ลุ้นคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน หลัง "บังโม" โชว์โหดซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมงามหยดชดช้อย ชม้อย ชะม้าย ชายตา

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่ง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีลุ้นรางวัลประตูยอดเยี่ยมในศึกพรีเมียร์ลีก ประจำเดือนกันยายน หลังจากที่ "บังโม" โชว์การซัดประตูสุดคมกริบในแมตช์เฉือน "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ที่สนามแอนฟิลด์ เกมเปิดซีซั่น 2020/2021

ประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกโดยเวลานั้นเจ้าบ้านเสมอกับ ลีดส์ 2-2 และทีมได้ลูกฟรีคิกก่อนที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จะเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่แนวรับทีมเยือนโหม่งสกัดไม่ดีมาเข้าทาง สตาร์ลูกหนังทีมชาติอียิปต์ ที่จับบอล 1 จังหวะก่อนจะตะบันเต็มข้อบอลพุ่งแหวกอากาศเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างงดงาม

สำหรับเกมกับ ลีดส์ นั้น อดีตดาวเตะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า" ซัดแฮตทริกได้ด้วยซึ่งอีกสองประตูได้มาจากจุดโทษ โดยลูกแรกเกิดขึ้นในช่วงต้นเกม และอีกลูกเป็นประตูชัยในครึ่งหลังที่ส่งให้แชมป์เก่าคว้า 3 แต้มไปอย่างหวุดหวิด

ทั้งนี้ลูกยิงของ ซาลาห์ ต้องลุ้นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนก.ย.กับอีก 7 ประตูสุดสวยมาจาก ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (อาร์เซน่อล), แจ็ค แฮร์ริสัน (ลีดส์ ยูไนเต็ด), รีซ เจมส์ (เชลซี), มาเตอุส เปเรยร่า (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), ริยาด มาห์เรซ (แมนฯ ซิตี้) และ เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์ ซิตี้)

เรือเป่าปาก! “เดอ บรอยน์” เด่นแมนซิตี้ประเดิมชัยเรียงหน้าอัดวูล์ฟส์

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ ”เรือใบสีฟ้า” ทีมรองแชมป์เก็บ 3 แต้มได้ตามเป้าหลังบุกเชือด วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1 จากฟอร์มสุดฮอตของ เควิน เดอ บรอยน์ ทั้งยิง-ทั้งจ่ายก่อนได้ กาเบรียล เชซุส ช่วยบวกสกอร์ปิดกล่อง ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : โมลินิวซ์ กราวนด์

    นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เทรนเนอร์ วูล์ฟแฮมป์ตัน ประเดิมศึกพรีเมียร์ลีกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บุกไปอัด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 ถึงถิ่นเก็บชัยชนะนัดแรกได้สำเร็จ แต่ล่าสุด โดน สโต๊ค ซิตี้ จากแชมเปี้ยนชิพ เขี่ยตกรอบในศึก คาราบาว คัพ หลังเปิดบ้านพ่าย 0-1

    ทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ของ แมนฯ ซิตี้ พาทีมจบอันดับ 2 มาในฤดูกาลที่แล้ว โดยเกมล่าสุด ”เรือใบสีฟ้า” โดน โอลิมปิก ลียง เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาด้วยสกอร์ 1-3

    2 นาทีผ่าน เจ้าถิ่น เกือบแย่เป็น วิลลี่ โบลี่ ไปเสียเหลี่ยมโดน ราฮีม สเตอร์ลิง ชิงจังหวะกระชากบอลเข้ากรอบเขตโทษเดือดร้อน คอนอร์ เคาดี้ ต้องมาทิ้งตัวสไลด์ สเตอร์ลิง ร่วงลงไปโชคดี อังเดร มาริเนอร์ มองเห็นว่าปีกชาวอังกฤษพุ่งล้ม

    นาทีที่ 8 "หมาป่า" ต้องขยับเปลี่ยนตัวเร็วเป็น แฟร์นานโด มาร์ชาล บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ต้องส่ง รูเบน วินาเกร ลงสนามแทน

    ต่อมานาทีที่ 10 โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของ ”เรือใบสีฟ้า” จากจังหวะเข้าพรวดของ เปรโด เนโต้ ไปทำฟาวล์ใส่ กาเบรียล เชซุส เสียฟรีคิกระยะอันตรายและเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ปั่นด้วยขวาบอลเกือบเสียบใต้คานแต่ยังติดเซฟ รุย ปาตริซิโอ

    แต่แล้วนาทีที่ 19 แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำจนได้เป็น ฟิล โฟเด้น จ่ายตัดแนวรับให้  เควิน เดอ บรอยน์ สอดมารับบอลในกรอบเขตโทษก่อนโดน โรแม็ง ซาอิสส์ กวาดขาร่วงลงไป ผู้ตัดสิน ไม่รอช้าชี้เป็นจุดโทษทันที เดอ บรอยน์ ลุกขึ้นมาสังหารลูกนี้ไม่พลาด

    นาทีที 30 ”เรือใบสีฟ้า” โหมอยู่ข้างเดียวคราวนี้ ฟิล โฟเด้น จ่ายเร็วให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปแต่งด้วยเท้าขวาก่อนตวัดด้วยซ้าย บอลพุ่งแรงแต่ไปตรงตัว รุย ปาตริซิโอ รับไว้ได้
   
    2 นาทีต่อมา ทีมเยือน มาบวกสกอร์เพิ่มสำเร็จจากการประสานงานสุดสวย เควิน เดอ บรอยน์ แทงออกซ้ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าเขตโทษก่อนตบเข้าในถึง ฟิล โฟเด้น สอดมาแปร์ด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย

    ท้ายครึ่งแรก วูล์ฟแฮมป์ตัน พยายามตอบโต้จากลูกสูตรเตะมุมทางขวาครอสเข้าในให้ ราอูล ฮิเมเนซ สอดเอาชนะแนวรับ แมนฯ ซิตี้ โขกเสาแรกหลุดออกหลังไปไกล

    นาทีที่ 43 ”เรือใบสีฟ้า” พลาดโอกาสทองจากจังหวะตัดบอลกลางสนาม กาเบรียล เชซุส โขกส่งให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดเดี่ยวเข้ามาในเขตโทษแต่ลูกยิงด้วยซ้ายไปติดแขน รุย ปาตริซิโอ เซฟเอาไว้ได้เหลือเชื่อ

    หมดครึ่งเวลาแรก วูล์ฟแฮมป์ตัน 0 แมนฯ ซิตี้ 2

    เปิดฉากครึ่งหลังได้ 8 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบหนีห่างไปอีกจากคราวผิดพลาดของ อดาม่า ตราโอเร่ โดนดักตัดกลางสนามสุดท้ายเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ดีดไซค์ก้อยให้ กาเบรียล เชซุส สอดมารับบอลแต่งเข้าซ้ายอัดไปตรงตัว รุย ปาตริซิโอ

    นาทีที่ 54 โอกาสลุ้นตีไข่แตกของ เจ้าถิ่น เป็นจังหวะลุยของ อดาม่า ตราโอเร่ ลากจี้หากรอบเขตโทษสับขาหลอกก่อนจ่ายเข้าในให้ ดาเนียล โปเดนเซ่ หมุนตัวตวัดด้วยซ้ายหลุดสามเหลี่ยมนิดเดียว

    5 นาทีต่อมา "หมาป่า" เริ่มหาช่องเจาะได้มากขึ้นคราวนี้จากจังหวะแก้เพรสซิ่ง รูเบน เนเวส แทงยาวให้ ดาเนียล โปเดนเซ่ วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยกบอลข้าม เอแดร์ซอน โมราเอส ข้ามคานเหลือเชื่อ

    ยังไม่หนำใจนาทีต่อมา อดาม่า ตราโอเร่ ใช้ควาเร็วเอาชนะ เบนฌาแม็ง เมนดี้ หลุดขึ้นมาสุดเส้นก่อนตบเข้าในให้ ราอูล ฮิเมเนซ เอียงตัวแปร์ด้วยซ้ายคนเดียวโล่งๆหลุดเสาไกลออกไปเหมือนเดิม

    เอาจนได้นาทีที่ 78 วูล์ฟแฮมป์ตัน ตีไข่แตกสำเร็จจากลูกจ่ายของ ดาเนียล โปเดนเซ่ ถอยมารับบอลริมเส้นฝั่งขวาก่อนแตะลอดขา เควิน เดอ บรอยน์ หยอดไปเสาแรกเข้าหัว ราอูล ฮิเมเนซ โขกเปลี่ยนทางตุงตาข่ายงามหยด

    ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+5  ”เรือใบสีฟ้า” มาปิดกล่องจนได้เป็น กาเบรียล เชซุส ขยันตามไปฉกบอลก่อนซัดแฉลบขา คอนอร์ เคาดี้ เปลี่ยนทางมุดเสาแรกผ่าน รุย ปาตริซิโอ ตุงตาข่าย

    หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม วูล์ฟแฮมป์ตัน 1 แมนฯ ซิตี้ 3 รองแชมป์เก่า ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประเดิมสวยเก็บ 3 คะแนนรั้งอันดับ 9 ของตาราง

รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง

    วูล์ฟแฮมป์ตัน (3-4-3) : รุย ปาตริซิโอ – วิลลี่ โบลี่, คอนอร์ เคาดี้, โรแม็ง ซาอิสส์ – อดาม่า ตราโอเร่, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, แฟร์นานโด มาร์ชาล – ดาเนียล โปเดนเซ่, ราอูล ฮิเมเนซ, เปรโด เนโต้

ผู้จัดการทีม : นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต    

    แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, เบนฌาแม็ง เมนดี้ – แฟร์นานดินโญ่, โรดรี้ เอร์นานเดซ – ฟิล โฟเด้น, เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง – กาเบรียล เชซุส

ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ผู้ตัดสิน : อังเดร มาริเนอร์

 

ลุ้นประเดิมชัย! แมนซิตี้ขาดเพียบ “สเตอร์ลิง” ตัวจริงลุ้นยิงวูล์ฟส์

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ ”เรือใบสีฟ้า” ทีมรองแชมป์จะลงเล่นเกมทางการนัดแรกตั้งแต่ร่วงตกรอบ ชปล. ความพร้อมมีปัญหาไม่น้อยหลังตัวหลักหลายรายยังไม่พร้อมลงสนาม แนวรุกส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง นำทัพ ทางด้าน นูโน่ เอสปิริโต้ กุนซือ "หมาป่า" ได้ ราอูล ฮิเมเนซ คืนตัวจริงล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 21 ก.ย. นี้

ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563
วูล์ฟแฮมป์ตัน (7) – แมนฯ ซิตี้ (13)
ถ่ายทอดสด : True Premier HD1 (เวลา : 02.15 น.) 

สนาม : โมลินิวซ์ กราวนด์ 

    นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เทรนเนอร์ วูล์ฟแฮมป์ตัน ประเดิมศึกพรีเมียร์ลีกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บุกไปอัด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 ถึงถิ่นเก็บชัยชนะนัดแรกได้สำเร็จ แต่ล่าสุด โดน สโต๊ค ซิตี้ จาก แชมเปี้ยนชิพ เขี่ยตกรอบในศึก คาราบาว คัพ หลังเปิดบ้านพ่าย 0-1

 สภาพทีมในเกมนี้ที่แน่ๆ จะอดใช้งาน ดีเอโก้ โชต้า ที่ย้ายไปซบ ลิเวอร์พูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในรายของ จอนนี่ อ็อตโต้ แบ็กซ้ายที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่ทีมได้ แฟร์นานโด มาร์ชาล ที่คว้าตัวมาจาก โอลิมปิก ลียง มาแทน

    ส่วนกำลังหลักรายอื่นๆ ทั้ง คอนอร์ เคาดี้ เซนเตอร์แบ็ก, อดาม่า ตราโอเร่ ปีกขวา พร้อมทั้ง ราอูล ฮิเมเนซ กลับมาลงตัวจริงรอล่าตาข่าย

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ของ แมนฯ ซิตี้ พาทีมจบอันดับ 2 มาในฤดูกาลที่แล้ว โดยเกมล่าสุด ”เรือใบสีฟ้า” โดน โอลิมปิก ลียง เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาด้วยสกอร์ 1-3

    ความพร้อมของทีมในเวลานี้ เป๊ป มีปัญหาในการจัดทัพอยู่พอสมควร โดยจะอดใช้งาน กุน อเกวโร่ ศูนย์หน้าตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บที่เข่าตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ส่วน ริยาด มาห์เรซ และ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ หายจากการติดเชื้อโควิด-19 และมาร่วมซ้อมกับทีมแล้ว แต่ยังคงต้องลุ้นดูความฟิตกันต่อไป เช่นเดียวกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ได้รับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อขาจากการใช้ทีมชาติ

    แกนหลักรายอื่น อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์เบลเยียมตัวเก่ง, กาเบรียล เชซุส หอกบราซิล รวมไปถึงแข้งป้ายแดงอย่าง นาธาน อาเก้ปราการหลังที่คว้าตัวมาจาก บอร์นมัธ และ เฟร์ราน ตอร์เรส ปีกจาก บาเลนเซีย ต่างฟิตพร้อมลงช่วยทีมด้วยกันทั้งนั้น

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

วูล์ฟแฮมป์ตัน (3-4-3) : รุย ปาตริซิโอ – วิลลี่ โบลี่, คอนอร์ เคาดี้, โรแม็ง ซาอิสส์ – อดาม่า ตราโอเร่, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, แฟร์นานโด มาร์ชาล – ดาเนียล โปเดนเซ่, ราอูล ฮิเมเนซ, เปรโด เนโต้

ผู้จัดการทีม : นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต     

    แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค การ์เซีย, นาธาน อาเก้, เบนฌาแม็ง เมนดี้ – เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ เอร์นานเดซ, อิลคาย กุนโดกัน – เฟร์ราน ตอร์เรส, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ผู้ตัดสิน : อังเดร มาริเนอร์

ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด

วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน
28/12/19    พรีเมียร์ลีกวูล์ฟแฮมป์ตัน 3 – 2 แมนฯ ซิตี้
06/10/19    พรีเมียร์ลีกแมนฯ ซิตี้ 0 – 2 วูล์ฟแฮมป์ตัน
20/07/19    กระชับมิตรวูล์ฟแฮมป์ตัน 0 – 0 แมนฯ ซิตี้
15/01/19    พรีเมียร์ลีกแมนฯ ซิตี้ 3 – 0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
25/08/18    พรีเมียร์ลีกวูล์ฟแฮมป์ตัน 1 – 1 แมนฯ ซิตี้

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

วูล์ฟแฮมป์ตัน

18/09/20 แพ้ สโต๊ค ซิตี้ 0-1 (เหย้า) ลีก คัพ 
15/09/20 ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
12/08/20 แพ้ เซบีย่า 0-1 (สนามกลาง) ยูโรปา ลีก 
07/08/20 ชนะ โอลิมเปียกอส 1-0 (สนามกลาง) ยูโรปา ลีก
26/07/20 แพ้ เชลซี 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

แมนฯ ซิตี้ 

16/08/20 แพ้ โอลิมปิก ลียง 1-3 (สนามกลาง) ชปล.
08/08/20 ชนะ เรอัล มาดริด 2-1 (เหย้า) ชปล.
26/07/20 ชนะ นอริช ซิตี้ 5-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก 
22/07/20 ชนะ วัตฟอร์ด 4-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
19/07/20 แพ้ อาร์เซน่อล 0-2 (สนามกลาง) เอฟเอ คัพ 

แววเด่นมานาน! สถิติน่าสนใจที่ผ่านมาของ ดีโอโก้ โชต้า

นับเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล เพราะเขาทำประตูได้ตั้งแต่การลงเล่นในลีกเป็นนัดแรกให้ทีม ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "หงส์แดง" เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ อาร์เซน่อล 3-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเขาทำประตูได้ในนาทีที่ 88 หรือก็คือหลังจากโดนเปลี่ยนตัวลงมาเพียง 8 นาทีเท่านั้น

ที่จริง โชต้า เป็นนักเตะชาวโปรตุกีสที่ได้รับการจับตามองมานานแล้ว เพราะเขาเคยทำสถิติที่โดดเด่นเอาไว้กับการเล่นที่ โปรตุเกส ในตอนที่เจ้าตัวยังอายุน้อยอยู่ และวันนี้เราก็มีเกร็ดสถิติที่น่าสนใจของเขามาให้ได้ชม 3 อย่าง โดยหนึ่งในนั้นคือการที่เขาสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนแรกของลีกสูงสุดโปรตุเกสด้วย

– แข้งประวัติศาสตร์ของ ปากอส เด แฟร์เรยร่า
โชต้า อยู่กับ ปากอส มาตั้งแต่ในระดับอะคาเดมี่แล้ว โดยเขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในต้นฤดูกาล 2014-15 ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในเกม โปรตุกีส คัพ กับ อัตเลติโก เอส.ซี. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี 2014 อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะทำประตูแรกกับ ปากอส ได้นั้น ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม ปี 2015 โดยวันนั้นเขาทำได้ 2 ประตูจนช่วยให้ ปากอส ชนะ อคาเดมิก้า เด โคอิมบร้า ในเกมลีก 3-2

แม้ว่าจะรอประตูแรกมาเนิ่นนาน แต่มันก็เป็นประตูที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับเขา เพราะมันทำให้ โชต้า กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ ปากอส ที่ทำประตูใน พรีเมยร่า ลีกา โปรตุเกส ได้ ด้วยวัยเพียงราว 18 ปีเท่านั้น แถมการทำ 2 ประตูในเกมกับ โคอิมบร้า ยังทำให้ โชต้า กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในรอบราว 13 ปีที่ทำได้ 2 ประตูในเกมเดียวของวงการฟุตบอลโปรตุเกสด้วย

– คนแรกของลีก
ในฤดูกาล 2015-16 โชต้า ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของศึก พรีเมยร่า ลีกา โปรตุเกส ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รับรางวัลนั้น เพราะเขาสามารถทำประตูในลีกได้ถึง 12 ลูกด้วยกัน จนช่วยให้ ปากอส ได้อันดับ 7 ในลีกสูงสุด

ทั้งนี้ ผลงานดังกล่าวทำให้ โชต้า กลายเป็นนักเตะอายุ 19 ปีคนแรกในประวัติศาสตร์ของ พรีเมยร่า ลีกา ที่สามารถทำประตูได้อย่างน้อย 12 ลูก โดยในลีกประจำฤดูกาลนั้นเขายังทำแอสซิสต์ได้ 8 ครั้งด้วย ซึ่งฟอร์มในฤดูกาลนั้นก็มีส่วนทำให้ แอตเลติโก มาดริด คว้าตัวเขาไปร่วมทัพ แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาไม่ได้ลงเล่นให้ "ตราหมี" เลย เมื่อโดนปล่อยให้ทั้ง เอฟซี ปอร์โต้ และ วูล์ฟส์ ยืมตัวไปใช้งาน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ "หมาป่า" แบบถาวรในปี 2018

– สร้างสถิติกับ ปอร์โต้
ด้วยความที่ ปอร์โต้ เป็นทีมดังอันดับต้นๆ ของประเทศทำให้มันไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะมีนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีอยู่ในทีมหลายราย แต่ถึงอย่างนั้น โชต้า ก็ยังสร้างชื่อให้ติดอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ ปอร์โต้ ด้วยการเป็นนักเตะชาวโปรตุกีสอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้กับ ปอร์โต้

ลูกยิงที่ว่าเกิดขึ้นในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี ที่ ปอร์โต้ เปิดบ้านเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี 2016 โดยวันนั้นเขาเป็นคนทำประตูปิดท้ายให้กับทีมในนาทีที่ 77 ก่อนที่ ปอร์โต้ จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่ในรอบนั้นพวกเขาไปชนตออย่าง ยูเวนตุส ก่อนที่ ปอร์โต้ จะแพ้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 0-3

เรือ,ผี,ไก่,ปืนใหญ่,หมาป่า! เจาะทีมดังพรีเมียร์ลีก เปิดม่านฤดูกาล 2020/21 ภาคจบ

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 เตรียมเปิดฉากขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งแต่ละทีมจะมีความพร้อมอย่างไร ได้ผู้เล่นคนไหนเข้าสู่ทีมบ้าง ในสกู๊ปนี้เราจะพาแฟนๆ ไปเช็กข้อมูลกัน เพื่อเรียกความพร้อมก่อนศึกใหญ่ปีนี้จะเริ่มขึ้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ยุทธการทวงคืนบัลลังก์แชมป์

ฤดูกาล 2019/20 ที่ผ่านมา แม้เป็นทีมที่มีเกมรุกสุดดุดัน กดไปถึง 102 ประตูในลีก แต่ด้วยการที่ขาดความคงเส้นคงวาในเรื่องของการเก็บผลการแข่งขัน และพลาดท่าแพ้ในเกมที่ไม่น่าแพ้หลายครั้ง นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" เสียตำแหน่งแชมป์ และจบแค่อันดับสอง ด้วยการมีคะแนนตามหลัง ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ ถึง 19 แต้ม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พวกเขากระหายอย่างมาก ที่จะกลับมาทวงโทรฟี่แชมป์ในฤดูกาลนี้ ถึงแม้จะไม่มีตัวเก๋าอย่าง ดาบิด ซิลบา รวมถึงตัวจี๊ดอย่าง ลีรอย ซาเน่ แล้วก็ตาม

– การเสริมทัพ

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือชาวสแปนิช รู้ดีว่า แมนฯ ซิตี้ มีจุดอ่อนตรงไหน และต้องเสริมในตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า การย้ายออกไปของ ซิลบา และ ซาเน่ ทำให้พวกเขามีช่องโหว่ในแนวรุก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาประเคนเงิน 20.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 850.75ล้านบาท) ไปให้ บาเลนเซีย เพื่อสู่ขอ เฟร์ราน ตอร์เรส มาสู่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจากนั้นแค่อึดใจเดียว พวกเขาก็จัด นาธาน อาเค่ กองหลังสารพัดประโยชน์ชาวดัตช์ (จาก บอร์นมัธ) มาเสริมแนวรับ ในราคา 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,640 ล้านบาท) ซึ่งในรายของ อาเค่ น่าจะโดนใจ เป๊ป เพราะเล่นได้ทั้งแบ็กซ้ายและเซนเตอร์แบ็ก แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ (9 ก.ย.) พวกเขาคงเดินหน้าเสริมทัพต่ออย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง ที่พวกเขายังต้องการตัวท็อปๆ มาช่วยทีม เพราะของที่มีอยู่ตอนนี้คงไม่เพียงพอต่อการลุ้นความสำเร็จในระยะยาว

– ดาราใหม่น่าจับตา

ทั้ง อาเค่ และ เฟร์ราน ต่างเป็นนักเตะพลังหนุ่มที่น่าจับตามอง แต่อยากจะโฟกัสไปที่รายหลัง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแข้งที่เนื้อหอมอย่างมากในตลาดช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะก่อนที่จะลงเอยกับ "เรือใบสีฟ้า" เขามีข่าวได้รับความสนใจจากทั้ง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ยูเวนตุส รวมถึง เรอัล มาดริด

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์อะไร หากคุณได้เห็นฟอร์มอันจัดจ้านของ ดาวเตะวัย 20 ปีรายนี้ ทั้งสองเกมที่เจ้าตัวลงเล่นให้ทีมชาติสเปน ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ดูแล้ว เฟร์ราน น่าจะเป็นนักเตะที่ตรงสเปค เป๊ป ไม่น้อย เพราะนอกจากมีความเร็วแล้ว ยังพาบอลทะลุทะลวงได้เก่ง แถมมีลูกเปิดเข้ากลางที่อันตราย เหมาะกับสไตล์การเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ดีเหลือเกิน ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยว่า เฟร์ราน จะไปได้สวย และสามารถประสบความสำเร็จ ตามรอยแข้งสแปนิชรุ่นพี่อย่าง ดาบิด ซิลบา ได้หรือไม่

– คีย์แมน

หาก เซร์คิโอ อเกวโร่ คือสุดยอดเครื่องจักรทำประตู เควิน เดอ บรอยน์ ก็คือน้ำมันเครื่องชั้นดีนั่นเอง ดังนั้นคีย์แมนของ แมนฯ ซิตี้ ชุดนี้ยังไงก็คงเป็น เดอ บรอยน์ ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกของทีม เป็นคนที่มีพิษสงรอบตัว เพราะนอกจากจะเป็นตัวเปิดป้อนระดับเวิลด์คลาส ที่พร้อมส่งบอลให้เพื่อนจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบแล้ว เขายังเป็นจอมทัพที่ยิงบอลได้รุนแรงและเฉียบคมอีกด้วย

แถมแน่นอนมากๆ ทั้งลูกยิงจุดโทษ รวมถึงฟรีคิก… ตราบใดที่มี ยอดดาวเตะชาวเบลเยียมวัย 29 ปีคนนี้ อยู่ในสนาม แมนฯ ซิตี้ ก็พร้อมที่จะกระซวกตาข่ายทีมคู่แข่งได้ทุกเมื่อ สมกับที่ได้รางวัลแข้งยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ ประจำฤดูกาลที่ผ่านมา

แมนฯ ยูไนเต็ด : ขอใกล้เคียงที่สุดเพื่อเบียดท็อป 2

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำทัพ "ปีศาจแดง" จบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 3 ใน พรีเมียร์ลีก ทำให้คว้าโควตาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ รวมทั้งยังผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ และ ยูโรปา ลีก ด้วย

แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บไปได้ 66 คะแนนใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่ผ่านมา น้อยกว่า ลิเวอร์พูล ถึง 33 แต้ม ส่วนใน ยูโรปา ลีก แพ้ เซบีย่า 1-2 ในรอบรองชนะเลิศ ส่วนรอบตัดเชือก คาราบาว คัพ แพ้ "เรือใบสีฟ้า" ด้วยสกอร์รวมสองนัด 2-3

ขณะที่ในฤดูกาล 2020/21 นั้น บริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายในประเทศอังกฤษ มองว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแค่เต็ง 4 ในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ต่อจาก แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี

– การเสริมทัพ

จนถึงตอนนี้ (วันพุธที่ 9 กันยายน) แมนฯ ยูไนเต็ด  เพิ่งได้นักเตะใหม่มาเสริมทัพแค่คนเดียวคือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ วัย 23 ปี ที่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร (ประมาณ 1,480 ล้านบาท) บวกโบนัสต่างๆ อีก 5 ล้านยูโร (ประมาณ 185 ล้านบาท)
 
ส่วนที่ปล่อยออกไปก็มี อเล็กซิส ซานเชซ ที่ย้ายซบ อินเตอร์ มิลาน แบบถาวร, ทาฮิธ ชอง ไปเล่นให้ แวร์เดอร์ เบรเมน แบบยืมตัว และ โจแอล เปเรยร่า ที่ส่งไปให้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ยืมใช้งาน

– นักเตะน่าจับตามอง

นักเตะที่น่าจับตามองของ "ปีศาจแดง" ในฤดูกาลใหม่คือ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่กลับมาอยู่กับทีม หลังไปทำผลงานเยี่ยมให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว

เฮนเดอร์สัน จะต้องเข้ามาแย่งตำแหน่งมือ 1 กับ ดาบิด เด เคอา นายทวารทีมชาติสเปน ที่ฤดูกาลก่อนเล่นพลาดให้เห็นหลายนัด และช่วงแรก โซลชา คงให้โอกาสกับโกลเลือดกระทิงก่อน แต่ถ้ามีความผิดพลาดก็จะเป็นหน้าที่ของ เฮนเดอร์สัน ที่ได้ลงเฝ้าเสาแทน

– คีย์แมน

แน่นอนว่า นักเตะสำคัญสุดของ "ปีศาจแดง" ในเวลานี้คือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางทีมชาติโปรตุเกส หลังเข้ามาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทันทีตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา

บรูโน่ ซัดไป 12 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ ในการเล่นให้ "เร้ด เดวิลส์" ตลอดทุกรายการเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และจุดเด่นที่ทำให้หลายๆ คนต้องยกย่องนักเตะก็คือความเป็นยอดเพชฌฆาตสังหารจุดโทษเมื่อมีสถิติซัดจุดโทษเข้า 8 ประตู

โซลชา ชื่นชมมิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสที่สังหารจุดโทษได้อย่างเด็ดขาดว่า เป็นคนที่เดาใจได้ยากเวลารับหน้าที่ยิงจุดโทษ โดยมีทั้งเลือกที่จะก้าวเข้าไปยิงทันที หรือกระโดดหนึ่งครั้งก่อนยิง

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : ฤดูกาลที่อาจชี้ชะตาทีม (และ มูรินโญ่)

2019-20 ถือเป็นฤดูกาลแรกในรอบหลายซีซั่นที่ผ่านมาที่ สเปอร์ส ทำผลงานได้เลวร้ายสุดๆ พวกเขาได้เพียงอันดับ 6 ในลีก, ไปถึงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, จอดป้ายเพียงรอบ 5 ในศึก เอฟเอ คัพ และหยุดที่รอบ 3 ของ คาราบาว คัพ ผลงานที่ว่านี้ต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับซีซั่น 2018-19 ที่พวกเขาไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ลีก และเป็นอันดับ 4 ในลีก

แม้ว่าฤดูกาลก่อน สเปอร์ส จะยอมปลด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมคู่บุญที่ทำผลงานให้ทีมได้ยอดเยี่ยมหลายฤดูกาลมาเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ถึงขั้นดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนทำให้หลายคนบอกด้วยซ้ำว่า มูรินโญ่ ไม่เก่งเหมือนเก่า อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ฤดูกาลก่อน สเปอร์ส มีผลงานแย่เป็นเพราะ แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนเก่งของทีมเจ็บหนักจนเคยต้องพักไปนาน และสุดท้ายก็ได้เล่นในลีกไปแค่ 29 นัด

ด้วยเหตุนี้ ซีซั่น 2020-21 จึงเป็นโอกาสอันดีของทั้ง สเปอร์ส และ มูรินโญ่ ที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง โดยสำหรับ สเปอร์ส นี่ถือเป็นฤดูกาลที่อาจจะตัดสินอนาคตระยะยาวของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะลือกันว่าถ้าหากซีซั่นนี้่ทีมยังไม่ได้แชมป์รายการใหญ่ๆ อีกแล้วล่ะก็ เคน ก็อาจจะย้ายออกจากทีม หลังจากเจ้าตัวยังไม่เคยได้แชมป์รายการไหนเลยทั้งที่ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ตลอด ซึ่งการเสียยอดกองหน้าระดับนี้ไปก็อาจจะส่งผลเสียกับพวกเขาไปอีกหลายปีเลย

ขณะเดียวกัน มูรินโญ่ ก็หมายมั่นปั้นมือว่าการได้คุม สเปอร์ส แบบเต็มตัวซีซั่นแรกของเขาจะออกมาดีจนเป็นการลบล้างคำสบประมาททั้งหลาย และทำให้เขากลับมาเป็นกุนซือที่ทุกคนในโลกลูกหนังต้องหวาดกลัวอีกครั้ง

 – การเสริมทัพ

จนถึงตอนนี้ (วันที่ 8 กันยายน) สเปอร์ส ได้นักเตะหน้าใหม่มาร่วมทีม 4 คน ประกอบด้วย อัลฟี่ เดวิน, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, โจ ฮาร์ท และ แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ ซึ่งมีแค่ 3 คนหลังเท่านั้นที่เป็นการเสริมทัพแบบพร้อมลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ทันที ส่วนกลุ่มที่โดนปล่อยออกไปก็ไม่มีใครที่เป็นกำลังหลักของทีมเลย

– ดาราใหม่น่าจับตา

 ในกลุ่ม 3 แข้งหน้าใหม่ที่ดีพอเป็นขุมกำลังให้ทีมชุดใหญ่นั้น ฮอยเบิร์ก คือคนที่น่าสนใจมากที่สุด เพราะฤดูกาลก่อนกองกลางตัวรับชาวเดนมาร์กมีค่าเฉลี่ยการสกัดโดนบอล 2.3 ครั้งต่อนัด และอ่านเกมขาดจนตัดบอลแบบไม่ต้องพุ่งเสียบได้ 1.4 ครั้งต่อเกม

ส่วนรายของ โดเฮอร์ตี้ ฤดูกาลก่อนเล่นได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะทำไป 4 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 36 เกมแล้วนั้น เขายังสกัดโดนบอลเฉลี่ย 1.5 ครั้งต่อเกมด้วย ขณะที่ ฮาร์ท คงเป็นเพียงอะไหล่ของ อูโก้ โยริส เท่านั้น

– คีย์แม

แน่นอนว่าอันดับ 1 คงหนีไม่พ้น เคน ถ้าจะบอกว่าเขาคือคนที่แบก สเปอร์ส มากที่สุดตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ผิดนัก ด้วยสถิติ 188 ประตูจากการลงเล่นให้ สเปอร์ส 287 นัดในทุกรายการทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของยุโรปในตอนนี้ ขอแค่ไม่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน เคน ก็พร้อมที่จะทำประตูให้กับทีมของ มูรินโญ่ อยู่เสมอ

อาร์เซน่อล : ปีแรกเต็มตัวของ อาร์เตต้าน

ต้องยอมรับว่าฤดูกาล 2019/20 เป็นปีแห่งความวุ่นวายของ อาร์เซน่อล เลยก็ว่าได้ แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการคว้าชัยสองนัดรวดในยุคของกุนซือ อูไน เอเมรี่ แต่หลังจากนั้นผลงานของทีมก็กระท่อนกระแท่น แถมกุนซือชาวสแปนิชยังโดนข้อครหาจากการให้ กรานิต ชาก้า สวมปลอกแขนกัปตันทีม ก่อนที่ดาวเตะชาวสวิตจะสร้างเรื่องฉาวด้วยการทำท่าเยาะเย้ยแฟนบอลของทีมตัวเอง ระหว่างเกมที่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปีก่อน หลังจากถูกแฟนบอลโห่ใส่อย่างหนัก

แน่นอนจากสองปัญหาที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นพายุที่ถาโถมเข้ามาใส่ เอเมรี่ ก่อนที่เจ้าตัวจะโดนปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน หลังพาทีมไม่ชนะใคร 5 นัดรวด พร้อมกับแต่งตั้ง เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก ขึ้นมานั่งเก้าอี้กุนซือชั่วคราว และแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นผลงานของทีมก็ยังไม่สามารถกลับเข้าฝั่งได้

อย่างไรก็ตามทีมมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญหลังจาก มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสแปนิช ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายใหญ่คนใหม่ ทีม "ปืนใหญ่" ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ ผู้เล่นหลายคนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นมากขึ้น เล่นได้ตามแท็คติกที่วางเอาไว้ จนผลงานของทีมดีขึ้นทันตาเห็น ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยการจบอันดับที่ 8 ของตาราง

เท่านั้นไม่พอ อาร์เตต้า ยังสร้างผลงานผลงานมาสเตอร์พีซด้วยการพาทีมผงาดคว้าแชมป์เอฟ เอ คัพ มาครองได้สำเร็จทั้งที่เพิ่งมาคุมทีมเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น พร้อมกับตีตั๋วลุยฟุตบอลยูโรปาลีกซีซั่นหน้า

สำหรับฤดูกาลหน้าถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของกุนซือชาวสแปนิชว่าจะพาทีมกลับมาจบท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋วกลับไปสู้ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งได้หรือไม่ 
 
– การเสริมทัพ

ช่วงซัมเมอร์นี้ดูเหมือน มิเกล อาร์เตต้า จะเน้นไปที่การเสริมผู้เล่นแนวรับมากที่สุด จนถึงตอนนี้ อาร์เซน่อล ได้แข้งใหม่มาเสริมทัพแล้ว 4 รายด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ วิลเลียม ซาลิบา กองหลังดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสที่จะย้ายมาเล่นให้ทีมเป็นฤดูกาลแรก หลังจากถูกปล่อยให้ แซงต์ เอเตียน อดีตต้นสังกัดยืมใช้งานในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา

เท่านั้นไม่พอพวกเขายังจัดการดึงตัว กาเบรียล มากัลเญส เซ็นเตอร์ชาวบราซิลมาจาก ลีลล์ อีกหนึ่งราย ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,107 ล้านบาท) เท่ากับว่าในเวลานี้ "ปืนใหญ่" มีนักเตะในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางถึง 8 คน หากรวมแข้งหน้าเก่าอย่าง ดาวิด ลุยซ์, ปาโบล มารี, ร็อบ โฮลดิ้ง, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, ชโคดราน มุสตาฟี่ และ คัลลั่ม แชมเบอร์ส แต่ 3 รายหลังสุดคาดว่าจะถูกปล่อยออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

ขณะที่แนวรุก อาร์เซน่อล ก็จัดการดึงตัว วิลเลียน มาจาก เชลซี และ ดานี่ เซบายอส มิดฟิลด์ชาวสแปนิช ที่ประสบความสำเร็จในการยืมตัวมาใช้งานต่ออีก 1 ฤดูกาล หลังจากเจ้าตัวหมดสัญญาเช่า และเดินทางกลับไปยัง เรอัล มาดริด แล้ว ซึ่งถือเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมเพราะ เซบายอส เป็นแข้งคนสำคัญของ อาร์เตต้า มาโดยตลอด และที่สำคัญแทบไม่ต้องมาใช้เวลาปรับตัวใหม่

– ดาราใหม่น่าจับตา

สำหรับบิ๊กดีลที่น่าสนใจคงต้องยกให้กับ วิลเลียน ที่ดึงตัวมาจาก เชลซี แบบไร้ค่าตัว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดีลที่คุ้มค่า เนื่องจากปีกชาวบราซิลมีประสบการณ์โชกโชนเป็นกำลังสำคัญให้ทัพ "สิงห์บลูส์" มาตลอดหลายฤดูกาล และจะมาเบียดแย่งตำแหน่งโดยตรงกับ นิโกล่าส์ เปเป้ ทางฝั่งขวา แถมยังรับบทเป็นเพลเมกเกอร์ได้อีกด้วย ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับ อาร์เตต้า มากยิ่งขึ้น

– คีย์แมน

แน่นอนว่าคีย์แมนคนสำคัญจะเป็นใครไม่ได้ นอกเสียจาก ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ดาวยิงชาวกาบอง ที่เป็นตัวความหวังของทีมมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากผลงาน 71 ประตูจาก 110 เกมทุกรายการ ส่วนในซีซั่นที่ผ่านมาเจ้าตัวกระหน่ำไป 22 คว้ารองดาวซัลโวร่วมกับ แดนนี่ อิงส์ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส : โปรตุกีส คอนเนคชั่น!

ฤดูกาล 2019/20 ถือเป็นปีที่ วูล์ฟส์ เจอศึกหนักตลอดทั้งซีซั่น เนื่องจากช่วงต้นพวกเขาต้องลงเล่นศึก ยูโรปา ลีก ตั้งแต่รอบคัดเลือก จนกรุยทางเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนผลงานในลีกก็ถือว่าน่าพอใจเมื่อรั้งอันดับ 7 ของตาราง ทว่าพลาดตั๋วถ้วยเล็กยุโรปไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อ อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครอง

ด้วยระแบบการเล่น 3-5-2 อันเป็นเอกลักษณ์ ผู้เล่นทุกคนต่างรู้หน้าที่การเล่นของตัวเองเป็นอย่างดี จุดแข็งของ วูล์ฟส์ คือเล่นเกมรับเหนียวแน่น และอาศัยโจมตีด้วยความเร็ว โดยมี ราอูล ฮิเมเนซ คอยจบสกอร์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการที่ขุมกำลังเชิงลึกของ วูล์ฟส์ ยังไม่มีมากพอ โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ที่ส่วนใหญ่มักใช้งาน รูเบน เนเวส และ ชูเอา มูตินโญ่ เป็นหลัก อีกทั้งตรงริมเส้นฝั่งขวาที่เป็นตำแหน่งวิงแบ็กนั้น พวกเขาเสีย แมตต์ โดเฮอร์ตี้ ไปให้กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์

ขุมกำลังส่วนใหญ่ของ วูล์ฟส์ เต็มไปด้วยนักเตะโปรตุเกส ไล่ตั้งแต่ ผู้รักษาประตู รุย ปาทริซิโอ, รูเบน วินาเกร, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, ดิโอโก โชต้า, เปโดร เนโต้ และล่าสุดก็เพิ่งคว้ายอดดาวรุ่งอย่าง ฟาบิโอ ซิลวา เข้ามาร่วมทีม รวมถึง วิตินญ่า มิดฟิลด์ตัวรุกที่เพิ่งยืมตัวจาก ปอร์โต้ มาหมาดๆ

– การเสริมทัพ

วูล์ฟส์ สร้างความฮือฮาด้วยการคว้า ฟาบิโอ ซิลวา แข้งวัย 18 ปีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร ขณะที่ อีกหนึ่งรายเป็น มาร์ชาล วิงแบ็กฝั่งซ้ายชาวแซมบ้าที่คว้าตัวมาจาก โอลิมปิก ลียง และล่าสุดก็ปิดดีลยืมตัว วิตินญ่า มิดฟิลด์โปรตุกีสวัย 20 ปี มาร่วมทีม

– ดาราใหม่น่าจับตา

แน่นอนว่าต้องเป็น ฟาบิโอ ซิลวา เด็กรายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศโปรตุเกส เขาเป็นเคยปั้นของ ปอร์โต้ ก่อนจะย้ายออกไปอยู่ เบนฟิก้า สั้นๆ ก่อนจะกลับมา ปอร์โต้ อีกครั้ง และเพิ่งได้โอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ของ ปอร์โต้ เมื่อปีที่แล้ว

จุดเด่นของ ฟาบิโอ ซิลวา คือเรื่องการจบสกอร์ ซึ่งผลงานไล่ตั้งแต่ทีมชุดเด็กในนามทีมชาติโปรตุเกสก็ถือว่ายอดเยี่ยม ไล่ตั้งแต่ ยู-15 (ลงเล่น 5 ยิง 3 ประตู), ยู-16 (ลงเล่น 8 ยิง 6 ประตู), ยู-17  (ลงเล่น 19 ยิง 5 ประตู) และ ยู-19  (ลงเล่น 5 ยิง 3 ประตู)

– คีย์แมน

 แม้จะมีข่าวย้ายทีมต่อเนื่อง แต่จนถึงตอนนี้ ราอูล ฮิเมเนซ ก็ยังอยู่กับทีมและจะเป็นกำลังหลักของ นูโน่ ซานโต้ ต่อไป

ผลงานเมื่อฤดูกาลก่อน ฮิเมเนซ ซัดไป 17 ประตูในลีก ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนประตูที่ วูล์ฟส์ ทำได้(52 ประตู) โดยจุดเด่นของหัวหอกเม็กซิกันคือ การจบสกอร์ได้ดีไม่ว่าจะด้วยลูกยิงหรือลูกกลางอากาศ

แทนเชโก้!โรม่าโอเคคว้า “มิลิค” ยืนหอก

 "หมาป่าเหลือง-แดง" อาแอส โรม่า ตกลงคว้าตัว อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หัวหอกเลือดโปล มาจาก นาโปลี เรียบร้อย หลังจากที่ตัดสินใจปล่อย เอดิน เชโก้ ให้ ยูเวนตุส

อาแอส โรม่า สโมสรดังแห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี บรรลุข้อตกลงกับ นาโปลี สโมสรคู่แข่งร่วมลีก เรียบร้อย สำหรับการคว้าตัว อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ มาเสริมทัพ ตามรายงานจาก สกาย สปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำแดนมะกะโรนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา

สำหรับดีลนี้ มิลิค จะจรดปากกาขยายสัญญากับ นาโปลี ออกไปอีก 1 ปี (ถึงปี 2022) ก่อนย้ายไปเล่นให้ทัพ "หมาป่าเหลือง-แดง" เบื้องต้นด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล โดยที่ โรม่า ถือออปชั่นซื้อขาดในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ด้วยค่าตัวรวม 25 ล้านยูโร (ประมาณ 925 ล้านบาท) ภายใต้สัญญาระยะยาวถึงปี 2025 

ทั้งนี้ มิลิค ซึ่งทำไป 48 ประตู จากการลงเล่นให้ นาโปลี 122 นัด จะเข้ามาค้าแข้งในถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก แทนที่ เอดิน เชโก้ หัวหอกตัวเก๋าชาวบอสเนียน ที่เตรียมย้ายไปเล่นให้ ยูเวนตุส

มิคกี้อาสาซัด! โรม่าปรับทัพบุกเวโรน่าเน้นชัยเริ่มต้นกัลโช่

"หมาป่ากรุงโรม" โรม่า เริ่มซีซั่นใหม่แบบที่ไม่มี เอดิน เชโก้ หลังปล่อยร่วมทัพ ยูเวนตุส แล้ว แต่ยังมีแข้งสำคัญ "เฮนริค มคิทาร์ยาน" พร้อมปั่นป่วนแนวรับเจ้าถิ่น เวโรน่า ที่จบกลางตารางฤดูกาลก่อน ในการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563

ปรีวิวฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563
เวโรน่า – โรม่า
เวลา : 01.45 น. ถ่ายทอดสด : บีอินส์ สปอร์ต 2

สนาม : มาร์ค อันโตนิโอ เบนเตกอดี้

    ทีมเฮลลาส เวโรน่า ฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 9 เกมล่าสุดอุ่นเครื่องแพ้เครโมเนเซ่ 0-1 การเสริมทัพยืมตัว มาร์โก เบนัสซี่ มาจากฟิออเรนติน่าเป็นรายล่าสุด

    สภาพทีมในเกมนี้ อีวาน ยูริช นายใหญ่เฮลลาส เวโรน่า จะไม่มี เจียโคโม่ แม็คนานี่ และ ดาร์โก ลาโซวิช ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร

    แผงหลัง 3 คนจะใช้บริการของ อลัน เอ็มเปเรอร์, โคราย กันเทอร์ และ ยิลดิริม เซติน ลงเล่นร่วมกัน

    อาเดรียน ตาเมเซ่ เก็บบอลกลางสนามกับ มิเกล เวโลโซ่ วิงแบ็กขึ้นเกมโดย ดาวิเด้ ฟาราโอนี่ และ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ โดยมี มาร์โก เบนัสซี่ และ มัตเตีย ซัคคายี่ ทำเกมรุกหลัง ซามูเอล ดิ คาร์มิเน่

    ทีม ”จัลโล่รอสซี่” ฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 5 และได้โควตายูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ช่วงปรีซีซั่นล่าสุดอุ่นเครื่องเสมอ กายารี่ 2-2 

    การเสริมทัพพวกเขาได้แนวรุกตัวเก๋าอย่าง เปโดร โรดริเกซ เข้ามารวมถึงล่าสุดยืมตัว มาราช คัมบูลล่า กองหลังดาวรุ่งมาจากเวโรน่า แต่ก็ปล่อย อเลสซานโดร ฟลอเรนซี (เปแอสเช) และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ (อินเตอร์ มิลาน) ออกไปเช่นกัน 

    สภาพทีมในเกมนี้ เปาโล ฟอนเซก้า นายใหญ่โรม่า แนวรุกขาดเยอะทีเดียวจะไม่มี ดีเอโก้ เปร็อตติ, นิโกโล่ ซานิโอโล่, ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ และ เปโดร โรดริเกซ ที่ยังเจ็บทั้งหมด รวมถึงล่าสุด เอดิน เชโก้ กองหน้าตัวเก่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาย้ายไปยูเวนตุสอีกด้วย น่าจะมีชื่อเพียงแค่ตัวสำรอง

    เกมนี้คาดว่าทีมเยือนจะมาในระบบ 3-4-2-1 แนวรับจะวาง จานลูก้า มันชินี่ เล่นร่วมกับ มาราช คัมบูลล่า และ ดาวิเด้ ซานตอน

    แดนกลางจะให้ จอร์แดน แวร์กตูต์ ประสานงานกับ อมาดู เดียวาร่า แนวรุกมี ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ และ การ์เลส เปเรซ สนับสนุน เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่ถูกดันไปเล่นหน้าเป้า

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    เวโรน่า (3-4-2-1) : มาร์โก ซิลเวสตรี – อลัน เอ็มเปเรอร์, โคราย กันเทอร์, ยิลดิริม เซติน – ดาวิเด้ ฟาราโอนี่, อาเดรียน ตาเมเซ่, มิเกล เวโลโซ่, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ – มาร์โก เบนัสซี่, มัตเตีย ซัคคายี่ – ซามูเอล ดิ คาร์มิเน่

    ผู้จัดการทีม : อีวาน ยูริช

    โรม่า (3-4-2-1) : เปา โลเปซ – จานลูก้า มันชินี่, มาราช คัมบูลล่า, ดาวิเด้ ซานตอน – จัสติน ไคร์เวิร์ต, จอร์แดน แวร์กตูต์, อมาดู เดียวาร่า, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า – ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, การ์เลส เปเรซ – เฮนริค มคิทาร์ยาน

    ผู้จัดการทีม : เปาโล ฟอนเซก้า