เปิดโผทีมยอดแย่พรีเมียร์ลีก นัดที่ 5

ทีมยอดแย่พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ที่ 5 จะมีใครบ้าง ทีมงาน Siamsport จัดให้แฟนๆ ได้ชมกัน ไปดูได้เลย

ผู้รักษาประตู : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี)

แม้จะมีช็อตเซฟในช่วงท้ายเกม แต่จังหวะเสียประตูที่เกิดจากความผิดพลาด(อีกแล้ว) นับเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น

กองหลัง : โจเอล วอร์ด (คริสตัล พาเลซ)

จริงๆ ทำหน้าที่ได้ตามมาตรฐานเกือบตลอดทั้งเกม แต่มาสกัดบอลไม่ดีในช่วงท้ายจนทำให้ พาเลซ เสียประตูตีเสมอ อดคว้า 3 แต้มเหนือ ไบรท์ตัน ในบ้านตัวเอง

กองหลัง : ดาวินซอน ซานเชซ (สเปอร์ส)

เป็นเกมที่ไม่น่าจดจำสำหรับปราการหลังทีมชาติโคลอมเบีย เพราะนอกจากคุมแนวรับหลวมแล้ว ยังโหม่งเข้าประตูตัวเอง พร้อมเป็นการจุดประกายความหวังให้กับทีมเยือนด้วย

กองหลัง : ลูอิส ดังค์ (ไบรท์ตัน)

ตลอดทั้งเกมไม่ต้องรับภาระหนักมากกับการเจอแนวรุกของ พาเลซ แต่ในช่วงท้ายเกม เจ้าตัวไปเล่นอันตรายใส่คู่แข่งแบบรุนแรง จึงทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม

กองหลัง : เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ (นิวคาสเซิล)

โดนแนวรุก แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นงานในช่วงท้ายจนทีมเสียถึง 3 ประตู

กองหลัง : เอคตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล)

ยืนตำแหน่งผิดพลาด และควรที่จะเคลียร์บอลทิ้งได้ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำประตู

กองกลาง : ยูรี่ ตีเลอมันส์ (เลสเตอร์)

เรื่องเกมรับยังคงไว้ใจได้ แต่โดยภาพรวมถือว่าแข้งเบลเจี้ยนต่ำกว่ามาตรฐานไปเยอะ คุมเกมไม่ได้เหมือนอย่างที่เคยเป็น

กองกลาง : อัลลัน (เอฟเวอร์ตัน)

โดนแผงมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล กดดัน และต้องใช้เกมหนักเข้าหยุดคู่แข่ง ก่อนมาโดนใบเหลืองช่วงท้ายเกม
   
กองกลาง : ริชาร์ลิซอน (เอฟเวอร์ตัน)

มีโอกาสทำประตูแต่โชคร้ายบอลไปชนเสา ก่อนมาโดนไล่ออกช่วงท้ายเกม หลังไปสกัดเข้าใส่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า อย่างรุนแรง

กองหน้า : เคลิชี่  อิเฮียนาโช่ (เลสเตอร์)

แม้ครึ่งแรกจะเก็บบอลได้ดี และจ่ายบอลสวยๆ หลายครั้ง แต่ในครึ่งหลังกลับคนละเรื่อง ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมเลย

กองหน้า : แพทริค แบมฟอร์ด (ลีดส์)

ไม่ได้สร้างความอันตรายให้แก่แนวรับ วูล์ฟส์ ได้เลย มีโอกาสส่องประตู 3 ครั้งแต่พลาดเป้าไปหมด

เผยสถิติน่าทึ่ง”เคน-ซน”หลังเกมกับเวสต์แฮม

แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน สองสตาร์ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขึ้นแท่นเป็นสุดยอดดูโอคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เรียบร้อย หลังสลับกันยิงและจ่ายในเกมล่าสุดที่เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    
แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน สองซูเปอร์สตาร์แนวรุกของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผลัดกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายรวมกันไปแล้ว 28 ประตูในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ หลังจบเกมล่าสุดที่ "ไก่เดือยทอง" ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เกมดังกล่าว เคน แอสซิสต์ให้ ซน ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 1 ก่อนที่ ซน จะเป็นคนผ่านบอลให้ เคน จบสกอร์ 2-0 ในนาทีที่ 8 และหลังจากนั้น เคน ก็ทำประตูที่สองให้กับตัวเอง พร้อมช่วย สเปอร์ส ออกนำไปไกล 3-0 นาทีที่ 16 ทว่าน่าเสียดายสำหรับ "ไก่เดือยทอง" เพราะสุดท้าย เวสต์แฮม ไล่ตีเสมอได้จาก 3 ประตูช่วงท้ายเกม

การสลับกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายระหว่างคู่หู "เคน-ซน" ในเกมล่าสุด (รวม 2 ประตู) ทำให้มีประตูที่เกิดขึ้นจากการประสานงานกันของทั้งคูในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 28 ลูก ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัตศาสตร์ ต่อจากคู่หู แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (36 ประตู), ดาบิด ซิลบา กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ (29 ประตู) และ โรแบร์ ปิแรส กับ เธียร์รี่ อองรี (29 ประตู) เท่านั้น

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก้าวเข้ามาคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน เคน (33 ประตู) กับ ซน (30 ประตู) เป็นสองนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูรวมทุกรายการมากสุด เหนือทุกคนในเวที พรีเมียร์ลีก

 

แม็กไกวร์ตอบโต้เสียงวิจารณ์แมนยูตลกสิ้นดี

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่สนคำวิจารณ์ที่มีต่อทีม โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกที่มาหาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงวิกฤติครั้งใหญ่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ นิวคาสเซิล 4-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยฟอร์มการเล่นแสดงออกมาให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอีกครั้ง แก้ตัวจากเกมก่อนที่แพ้ต่อ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1-6 คาสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด

‘ปีศาจแดง’ ได้ประตูจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, อารอน วาน-บิสซาก้า และ มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยกัปตันทีมอย่าง แม็กไกวร์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่าไม่ได้สนคำจารณ์เชิงลบที่มีต่อตนและเพื่อนร่วมทีม

"มันน่าตลกสิ้นดี 3 สามเกมผ่านไปของฤดูกาล และดูเหมือนว่าเป็นเรื่องวิกฤติครั้งใหญ่ การชนะ 2 แพ้ 2 เส้นทางยังมีอีกยาวไกล ซึ่งเราต้องพิสูจน์ให้เห็น" แม็กไกวร์ กล่าวกับ สกาย สปอร์ต

"เมื่อคุณเล่นให้กับสโมสรนี้ และแพ้ในบ้านตัวเอง เราก็ถูกตั้งคำถามขึ้น เราทำงานหนักในตอนซ้อม นี่คือกลุ่มที่ยอดเยี่ยม และเราก็รู้ดีว่าเราต้องกลับมาให้ได้ ผมรู้สึกว่ามันคงเป็นเรื่องเลวร้ายหากเรากลับออกไปแค่คะแนนเดียว"

"มันเป็นเรื่องสำคัญ ทุกๆ เกมใน พรีเมียร์ลีก เราต้องเล่นให้ได้ในระดับสูง บางเกมเราไม่สามารถทำได้ดีที่สุด แต่เราก็ต้องทำเรื่องพื้นฐานให้ได้ดี และในเกมที่เราแพ้ เราทำมันไม่ได้ดีเท่าที่ควร"
   
"พวกเราเป็นทีมที่อายุน้อย แต่เราจะไม่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ออกสตาร์ทแบบนี้ แต่ด้วยฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมในคืนนี้ก็เกิดขึ้นในยามที่เราต้องการมัน"

จบไหม!มูรินโญ่เปิดใจฟอร์มเบลเกมสเปอร์สเสมอเวสต์แฮม

โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่ายหัวไม่สนบรรดานักข่าวที่พยายามเสี้ยมให้เจ้าตัวแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลงานของ แกเร็ธ เบล ในแมตช์เสมอ เวสต์แฮม 3-3 เกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชี้ชัดนี่มันเรื่องของการแข่งขันของสองทีมจะมาเน้นอะไรกับผลงานของคนๆ เดียว

โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมจอมแท็คติก "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปฏิเสธที่จะวิจารณ์ผลงานของ แกเร็ธ เบล ปีกมากประสบการณ์ที่ลงเล่นเปิดตัวให้ต้นสังกัดในแมตช์เสมอ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา

เบล ถูกส่งลงมาเล่นในครึ่งหลังนาทีที่ 72 โดยในเวลานั้น สเปอร์ส ยังมีสกอร์นำห่าง "เดอะ แฮมเมอร์ส" 3-0 แต่หลังจากนั้นทีมเยือนยิงได้ 2 ประตูรวดในเวลาไม่ถึง 5 นาที ทำให้สกอร์ตามมาเป็น 3-2 อย่างไรก็ตาม สตาร์ชาวเวลส์ มีโอกาสทองที่จะยิงประตูฝัง เวสต์แฮม เมื่อหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ดันยิงออกไปหน้าตาเฉย

จนกระทั่งเกิดเหตุเสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด เมื่อ เวสต์แฮม มาได้ประตูสุดงามจากการยิงแบบผีจับยัดของ มานูเอล ลานซินี่ ในนาทีที่ 90+4 ส่งผลให้ทีมของกุนซือเดวิด มอยส์ บุกมาแบ่งแต้มไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยหลังจบเกม มูรินโญ่ ยังคงรู้สึกผิดหวังที่ทีมพลาดเก็บชัยชนะ แต่ก็ชื่นชม "ขุนค้อน" ที่เล่นด้วยความทุ่มเท

สำหรับคำถามเกี่ยวกับผลงานของ เบล ซึ่งลงเล่นเกมแรกนับตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่กับต้นสังกัดนั้น มูรินโญ่ กล่าวว่า "ก่อนเกมพวกคุณอยากพูดเกี่ยวกับ แกเร็ธ และหลังเกมพวกคุณก็ยังคงอยากพูดเรื่อง แกเร็ธ แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดมันเกี่ยวกับ ท็อตแน่ม-เวสต์แฮม และนั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด"

 

3 กุนซือได้ดวล มูรินโญ่ เยอะแต่ไม่เคยชนะ

"คุณคงไม่คิดจะทำบทใดบทหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเจอกับคู่แข่งบางคนประมาณ 12 หรือ 14 เกม แต่ไม่เคยชนะได้อยู่แล้ว เพราะงั้นทำไมเขาถึงควรจะพูดถึงผมในหนังสือของเขาด้วยล่ะ ? หนังสือน่ะมันควรจะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข, ทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจ ดังนั้นก็ทำให้ผมเข้าใจได้ดีว่าทำไมเขาถึงเลือกทำอย่างนั้น"

นั่นคือคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากที่โดนถามว่าเขาคิดยังไงกับการที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่พูดถึงชื่อของเขาเลยแม้แต่นิดเดียวในหนังสืออัตชีวประวัติของ เวนเกอร์ โดยคำพูดของ มูรินโญ่ มันเหมือนกับเป็นการเหน็บ เวนเกอร์ ไปในตัวว่าไม่เคยเอาชนะเขาได้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้ว เวนเกอร์ เคยเอาชนะ มูรินโญ่ ได้ 2 หน จากการเจอกันทั้งหมด 19 นัด จนทำให้หลายคนมองว่ากุนซือชาวโปรตุกีสพูดผิดที่ให้ข้อมูลไปแบบนั้น ในทางกลับกัน มันก็มีกุนซือหลายคนจริงๆ ที่ไม่เคยคว่ำ มูรินโญ่ ได้แม้แต่นิดเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมานำเสนอ 3 คนที่มีโอกาสดวลกึ๋นกับ มูรินโญ่ มากที่สุดหากนับเป็นจำนวนนัด แต่ไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย ลองไปดูดีกว่าว่ามีใครบ้าง

– แซม อัลลาร์ไดซ์
มูรินโญ่ ได้ดวลกึ๋นกับ อัลลาร์ไดซ์ ครั้งแรกในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2004 โดยตอนนั้นต่างฝ่ายต่างก็คุม เชลซี กับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ตามลำดับ ซึ่งผลจบลงที่การเสมอกัน 2-2 โดยที่ เชลซี นำไปก่อน 2 ลูก แต่โดน โบลตัน ไล่ตามตีเสมอได้

หลังจากนั้นเป็นต้นมา มูรินโญ่ ก็ทำผลงานได้เหนือกว่า อัลลาร์ไดซ์ มาโดยตลอด จนทำให้จากการเจอกันทั้งหมด 12 ครั้งนั้น มูรินโญ่ เป็นฝ่ายชนะไปถึง 9 เกม และที่เหลือเป็นการเสมอกัน 3 นัด โดยครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ดวลกันคือตอนที่ มูรินโญ่ นำ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2018

บรูโน่แก้ตัว! แรชฟอร์ดยิง1จ่าย2-แมนยูพับสนามบุกถลุงนิวคาสเซิ่ล

"ปีศาจแดง" คว้าชัยชนะนัดที่สองของซีซั่นได้สำเร็จ หลังบุกไปถล่ม นิวคาสเซิ่ล ถึงบ้าน 4-1 เกมนี้แม้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะยิงจุดโทษไม่เข้า แต่มาแก้ตัวซัดท้ายเกม ก่อนที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่จ่ายไปสอง ซัดปิดกล่องให้ทีมบุกมาซิวสามแต้มมีเพิ่มเป็น 6 คะแนน ขึ้นมารั้งอันดับ 15 ส่วน "สาลิกาดง" รั้งอยู่ที่ 11 มี 7 คะแนน ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา
สนาม : สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค

    เกมพรีเมียร์ลีก คู่สุดท้าย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา นิวคาสเซิ่ล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยผลงานล่าสุดของทั้งคุ่นั้น "สาลิกาดง" เล่นในบ้านไล่ต้อน เบิร์นลี่ย์ 3-1 ขณะที่ "ผีแดง" ผลงานสุดแย่พ่านคาบ้านเละเทะให้สเปอร์ส 1-6

    เกมนี้ สตีฟ บรูซ จัดชุดเก่งมารบนำโดยสองคู่หน้าอย่าง โชลินตอน และ คัลลั่ม วิลสัน ส่วนทางฝั่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนถึง 5 ตำแหน่งจากเกมพ่าย "ไก่เดือยทอง" คู่กลางใช้ เฟร็ด กับแม็คโทมิเน่ย์ โดยมาต้า และดาเนี่ยล เจมส์ ริมเส้นส่วนบรูโน่ แฟร์นันด์ส รับบทเพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมอยู่ข้างหลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยืนเป็นหน้าเป้า

    เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาที เจ้าถิ่น "สาลิกาดง" ทะยานออกนำ "ผีแดง" 1-0 อย่างรวดเร็ว บอลสวนกลับมาถึง อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ดึงจังหวะก่อนไหลเข้ากลางให้ จอนโจ เชลวี่ย์ ก่อนอดีตแข้งหงส์แดงจะไหลออกขวาให้ เอมิล คราฟธ์ แบ็กขวาเติมขึ้นมาแล้วครอสไปแฉลบขา ลุค ชอร์ ส่งบอลเข้าประตูตัวเอง

    นาที 14 "ผีแดง" ได้ลุ้นตีเสมอบ้างหลัง แดเนียล เจมส์ ไหลเข้ากลางให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กดด้วยขวากลางประตูแต่บอลไปติดบล็อค  เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ ออกหลัง

    นาที 19 บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นกับ มาต้า ก่อนที่บอลจะมาถึง บรูโน่ จะปั่นโค้งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม ทว่าผู้ตัดสินได้สัญญาณจาก VAR ปฎิเสธไม่ให้ประตูตีเสมอหลัง มาต้า ยืนในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อนทำให้ชวดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย สกอร์ยังเป็นเจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0

    นาที 22 นิวคาสเซิ่ล ลุยขึ้นมาทางขวา จามาล ลูอิส ครอสเร็วไปในกรอบให้ จอนโจ เชลวีย์ วอลเลย์แต่จังหวะยิงหลักไม่ดีทำให้น้ำหนักบอลเบาไปเข้ามือ เด เคอา

    จากนั้นนาทีเดียวต่อมา ทีมเยือนตอบโต้ขึ้นมาเร็ว บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไหลออกซ้ายให้ ฆวน มาต้า ซัดเต็มแรงเสาแรกแต่ยังไปติดมือ คาร์ล ดาร์โลว์ ทุบออกหลังเป็นลูกเตะมุม

    นาที 23 ต่อเนื่องจากลูกคอนเนอร์ มาต้า เปิดด้วยซ้ายจากมุมธงมากลางประตูให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เทกตัวเอาชนะแนวรับสาลิกาก่อนโขกบอลเต็มแรงลงพื้นหนีมือ ดาร์โลว์ เสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาดให้ แมนฯยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1

    เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง "สาลิกาดง" เกือบแซงขึ้นนำอีกครั้ง อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ลากตัดเข้ากลางแล้ววตะบันด้วยขวาเต็มแรง บอลพุ่งจน ดาบิด เด เคอา ต้องพุ่งปัดออกปัด และจากจังหวะพุ่งมาเซฟนั้นแขนขวาไปเกี่ยวกับตาข่ายก่อนที่จะหัวไหล่จะหล่นลงพื้นทำให้ต้องปฐมพยาบาล ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นมาเล่นต่อได้

    นาที 36 "ผีแดง" หวิดได้เฮเช่นกันบอลขึ้นมาทางขวาให้ อารอน วาน-บิสซาก้า ก่อนที่อดีตฟูลแบ็กของพาเลซจะพยายามครอสไปหน้าประตู ทว่าเปิดผิดเหลี่ยมบอลพุ่งเกือบจะเสียบมุมสามเหลี่ยมจน คาร์ล ดาร์โลว์ ต้องถอยหลังพุ่งปัดออกไปแบบหวุดหวิด

    ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+3 "ผีแดง" เกือบได้ลุ้นแซงนำ หลัง แม็คโทมิเนย์ ผ่านบอลต่อให้ ดาเนี่ยล เจมส์ พาบอลเข้าไปซัดแต่จังหวะยิงเบาไปก่อนที่จะไปเข้ามือ คาร์ล ดาร์โลว์

    จบครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1

    ครึ่งหลัง นาที 49  สตีฟ บรูซ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง ไอแซค เฮย์เด้น มีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ฟาเบียน ชาร์ ลงมาเล่นแทน

    อีก 2 นาทีต่อมา เจ้าบ้านเกือบชิงขึ้นนำไปก่อน หลัง อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง ป่วนแนวรับโชว์สเต็ปโยกหลอก แม็คโทมิเนย์ ก่อนตักมาในกรอบ 6 หลาให้ คัลลั่ม วิลสัน กระโดดมาถีบบอลกำลังจะเข้าอยู่แล้ว แต่เจอ ดาบิด เค เคอา พุ่งปัดปลายมือออกไปอย่างเหลือเชื่อ

    กระนั้น นาที 55 เคร็ก พาวสัน ได้รับสัญญาณจากห้องควบคุม VAR หลังมีเหตุการณ์ในกรอบเขตโทษจากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลากบอลเข้ามาก่อนโดน จามาล ลูอิส เข้าไปเปิดปุ่มย้ำใส่ที่ข้อเท้า ผู้ตัดสินวิ่งมาไปดูจอที่ข้างสนามก่อนที่จะวิ่งมาชี้ให้จุดโทษแก่ "ปีศาจแดง" ทว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส มือสังหารกลับยิงไม่ดีเมื่อซัดไปติดมือของ คาร์ล ดาร์โลว์ ที่พุ่งถูกทางปัดออกไปได้ สกอร์ยังเสมอกันที่ 1-1 เหมือนเดิม

    นาที 62 บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้โอกาสส่องแถวสองบ้างแต่จังหวะนี้ดันยิงเบาไปบอลเลยพุ่งเข้าซอง คาร์ล ดาร์โลว์ รับไว้ได้สบาย

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนตัวคนแรก ในนาที 69 ถอด เฟร็ด ออกแล้วส่ง ปอล ป็อกบา ลงไปปั้นเกม

    ผีแดงโอกาสครึ่งหลังมีเพียบ นาทีที่ 80 เกือบได้ลุ้นขึ้นนำอีกจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลากขึ้นมาก่อนซัดแถวสองบอลพุ่งถากเสาออกไป

    กระนั้น นาที 86 ความพยายามของ "ผีแดง" มาประสบความสำเร็จ บอลโต้กลับเร็ว มาต้า วางบอลมาซ้ายให้ แรชฟอร์ด ก่อนที่จะไขว้จ่ายให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่วิ่งอ้อมมาข้างหลังหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปปั่นหนีมือ คาร์ล ดาร์โลว์ เสียบสามเหลี่ยมเสาไกลอย่างงดงาม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกนำ 2-1

    จากนั้น นาทีที่ 90 ทีมเยือนมาได้ประตูที่สามจากจังหวะ ที่ อารอน วาน-บิสซาก้า กระชากบอลขึ้นมาก่อนจะเล่นชิ่งกับ แรชฟอร์ด แล้วเข้าไปซัดผ่านมือ ดาร์โลว์ เข้าไปให้ทีมเยือนบุกมานำห่าง 3-1

    เท่านั้นไม่พอลูกทีมของ โซลชา มาได้ประตูปิดท้ายในช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+6 คราวนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จ่ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปยิงไม่เหลือ จบเกม  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-1 คว้าชัยเป็นเกมที่ 2 ของซีซั่น

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม   

        นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (4-4-2) : คาร์ล ดาร์โลว์ – เอมิล คราฟธ์, จามาล ลาสเซลล์ส, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, จามาล ลูอิส – เจฟฟ์ เฮนดริค, จอนโจ เชลวี่ย์, ไอแซค เฮย์เด้น, อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง – โชลินตอน, คัลลั่ม วิลสัน

        ผู้จัดการทีม : สตีฟ บรูซ

        แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – เฟร็ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ – ฆวน มาต้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, แดเนียล เจมส์ – มาร์คัส แรชฟอร์ด

        ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

        ผู้ตัดสิน : เคร็ก พาวสัน

ลิเวอร์พูลหืด-แมนยูใส!พี่มาร์คฟันธงพรีเมียร์ฯ

กูรูดังแดนผู้ดีฟันธง พรีเมียร์ลีก วีกนี้ เชื่อ ลิเวอร์พูล ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ไม่ง่าย ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน และ แอสตัน วิลล่า สองทีมที่ยังไม่แพ้จะพลาดพร้อมกัน
    มาร์ค ลอว์เรนสัน นักวิเคราะห์เกมคนดังของ บีบีซี สื่อชั้นนำของอังกฤษ ออกโรงแสดงทรรศนะถึงฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดที่ 6 ของฤดูกาล 2020/21 โดยเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านชนะ เชลซี 2-0 ส่วน ลิเวอร์พูล เฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หืดจับ 2-1

    ทรรศนะของ ลอว์เรนสัน
    วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม

แอสตัน วิลล่า แพ้ ลีดส์ 1-2

    วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม

เวสต์แฮม เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1
ฟูแล่ม แพ้ คริสตัล พาเลซ 0-2
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 2-0
ลิเวอร์พูล ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-1

    วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม

เซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
วูล์ฟส์ ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0
อาร์เซน่อล ชนะ เลสเตอร์ 2-1

    วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม

ไบรท์ตัน ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0    
เบิร์นลี่ย์ ชนะ สเปอร์ส 2-1

สปิริต!มูรินโญ่ชูเวสต์แฮมสู้สุดยอดจนไล่เจ๊าสเปอร์ส

ยอมเลย… โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยกเครดิตให้คู่แข่ง หลังทีมออกนำ 3-0 แต่สุดท้ายโดน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไล่เจ๊า 3-3 ระบุงานนี้ต้องเคลียร์กับบรรดาแข้ง "ไก่เดือยทอง" กันแบบภายใน 

โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวชื่นชม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่สู้ได้อย่างสุดยอด และสามารถกลับมาได้ทั้งที่มีสกอร์ตามหลัง 0-3 ช่วงครึ่งแรก ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ทัพ "ไก่เดือยทอง" ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ "ขุนค้อน" 3-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ดูเหมือนชัยชนะกำลังจะตกเป็นของ สเปอร์ส อย่างง่ายดาย หลังจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำ 3-0 จาก ซน ฮึง-มิน ตั้งแต่นาทีที่ 1, แฮร์รี่ เคน เหมาสองตุงในนาทีที่ 8 และ 16 อย่างไรก็ตาม เวสต์แฮม กลับมาสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งหลัง และมาได้สามประตูรวดในช่วงท้ายเกมจาก ฟาเบียน บัลบูเอน่า นาทีที่ 82, การทำเข้าประตูตัวเองของ ดาวินซอน ซานเชซ นาทีที่ 85 และ มานูเอล ลานซินี่ นาทีที่ 90+4 ซึ่งถึงแม้ทำสามแต้มหลุดมือ แต่ "เฮียมู" ก็ยกเครดิตให้กับทีมคู่แข่งเต็มที่

 "พวกเขาสมควรได้รับคำชื่นชม แต่สำหรับเราแล้ว มันเป็นการแพ้ 0-3 ในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งนั่นหมายความว่า ช่วงครึ่งหลังเราเล่นไม่ได้ดีแบบครึ่งแรก และสุดท้ายเราก็โดนลงโทษ เรามีโอกาสเปลี่ยนสกอร์เป็น 4-0 จากการที่ แฮร์รี่ เคน ยิงไปชนเสา และมีโอกาสที่จะเป็น 4-2 จาก แกเร็ธ (เบล) เราทุกคนต่างคิดว่า เราควบคุมเกมได้ แต่มันไม่ใช่เลย"

" หนึ่งลูกฟรีคิกของพวกเขา ได้นำพวกเขากลับมาสู่เกม และก็ยังทำประตูที่สวยงามปิดท้าย แน่นอน เราจะคุยกันเป็นภายในเกี่ยวกับเกมนี้ เราสำหรับพวกคุณ ผมอยากให้ยกย่อง เวสต์แฮม มากกว่า" มูรินโญ่ เปิดใจหลังเกม

 

อัดอั้นมานาน!ชไนเดอร์ลินจวกฟานกัลยับเยิน

หลังจากกลั้นความรู้สึกมานานหลายปี ล่าสุด มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ก็ออกมาจวก หลุยส์ ฟาน กัล อดีตกุนซือที่ร่วมงานกันตอนอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบยับเยิน โดยบอกว่าอีกฝ่ายจำกัดกรอบการเล่นมากเกินไปจนทำให้นักเตะไม่มีอิสระในการเล่น แถมยังเข้มงวดเกินกว่าเหตุ พร้อมรับ ตอนนั้นน่าจะไปอยู่กับ สเปอร์ส น่าจะเหมาะกว่า
   
มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน มิดฟิลด์ นีซ สโมสรในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ตำหนิ หลุยส์ ฟาน กัล ว่าทำทีมโดยที่ใช้มาตรการเข้มงวดกับเรื่องต่างๆ มากเกินไป อย่างเช่นการจำกัดรูปแบบการเล่น จนส่งผลให้ตนกับคนอื่นๆ ในทีมไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ตามไปด้วย

ตอนช่วงซัมเมอร์ ปี 2015 ชไนเดอร์ลิน ตกเป็นข่าวกับหลายทีม อย่างเช่น แมนฯ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นต้น หลังจากช่วงนั้นเขาทำผลงานได้โดดเด่นกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะเลือก "ปีศาจแดง" แต่เขาก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งกับที่นั่นได้จนโดนปล่อยไปให้ เอฟเวอร์ตัน ในเดือนมกราคม ปี 2017

ดาวเตะชาวฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชื่อดังว่า "เราโดนสั่งว่า -เมื่อไหร่ก็ตามที่แกได้จับบอลน่ะ แกต้องทำอย่างนี้นะ- ทั้งที่ผมควรจะได้เล่นด้วยความกล้าของผมเหมือนอย่างที่ทำได้ตอนเล่นให้ (เมาริซิโอ) โปเช็ตติโน่ และ (โรนัลด์) คูมัน (ชไนเดอร์ลิน เคยร่วมงานกับทั้งคู่ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน) สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของนักฟุตบอลก็คือเมื่อมันเกิดเวลาที่คุณคิดมากเกินไป ผมเริ่มคิดว่า -อา ผู้จัดการทีมอยากให้ฉันทำอย่างนี้- ซั่งนั่นทำให้คุณเสียสัญชาตญาณของตัวเอง คุณจะเริ่มถูกบีบให้ต้องทำบางอย่างจนสุดท้ายก็จ่ายพลาด, เข้าสกัดช้าเกินไป ฯลฯ มันทำให้ความมั่นใจของคุณหายไป"

"มันทำให้ผมมีทั้งเกมที่เล่นได้ดีมากๆ แล้วก็เกมที่เล่นได้ห่วยแตกสุดๆ ตอนนั้นผมไม่มีความมั่นใจมากนัก ผมถึงขั้นเริ่มบ่นกับภรรยาของผมด้วยซ้ำ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถเล่นอย่างมีอิสระที่ ยูไนเต็ด ได้ ไอ้เรื่องความกดดันจากสถานะของสโมสรน่ะมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย ผมชอบรับมือกับความกดดันอยู่แล้ว ผมอยากเจอกับความกดดันและอยากมีอะดรีนาลีนที่ดี ส่วนแฟนบอลก็ปฏิบัติกับผมดีมากๆ ตอนที่เจอกันบนท้องถนน"

"ปัญหามันมาจากตัวผมเอง เพราะผมรู้ว่าผมสามารถทำหลายอย่างให้กับทีมได้ แต่กลับทำไม่สำเร็จเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองโดนจำกัดให้อยู่ในกรอบมากเกินไป ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกโมโหมากนัก แต่สมัยนั้นผมโกรธสุดๆ คุณไม่สามารถกินข้าวได้เลยจนกว่าผู้จัดการทีมจะอนุญาตให้คุณทำอย่างนั้นได้ จริงอยู่ว่าแนวทางแบบนี้มันได้ผลดีกับนักเตะทีอายุ 19 และ 20 ปี แต่ไม่ใช่กับนักเตะที่อายุเยอะกว่านั้น แน่นอนว่า ฟาน กัล พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นกุนซือชั้นยอด แต่ผมไม่คิดว่าเราควรจะต้องมีไอเดียแบบนั้นในตอนนั้น"

ชไนเดอร์ลิน ยอมรับด้วยว่าที่จริงตอนนั้นตนน่าจะย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ดีกว่า โดยตอนนั้น โปเช็ตติโน่ ที่เคยร่วมงานกับเขาที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็เป็นกุนซือของ "ไก่เดือยทอง" อยู่พอดีด้วย "มี 2 ทีมที่ติดต่อหาเอเยนต์ของผม แต่พอ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจในตัวคุณแล้วน่ะ คุณก็ไม่มีทางเลือกอื่นหรอก เพราะว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เรอัล มาดริด คือ 2 ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก คุณไม่สามารถปฏิเสธ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ แต่ถ้าผมทำตามหัวใจของตัวเองแล้วล่ะก็ ผมก็น่าจะเซ็นสัญญากับ สเปอร์ส ดีกว่า"

"ผมรู้จักผู้จัดการทีม (โปเช็ตติโน่) เป็นอย่างดี ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผม และรู้ว่าสไตล์การนำซ้อมของเขาเป็นยังไง เขาติดต่อมาขอให้ผมไปเล่นที่ สเปอร์ส เขาอยากได้ผมไปร่วมทีมแบบจริงจังระดับ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม จริงอยู่ว่าเขา (ฟาน กัล) อยากได้ผมเหมือนกัน แต่เราแค่คุยทางโทรศัพท์กันนิดหน่อยเท่านั้น ดังนั้นมันก็เหมือนกับว่าผมเซ็นสัญญาเพื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะสโมสรฟุตบอลมากกว่าการเซ็นสัญญาเพื่อผู้จัดการทีม"

 

พลิกไปพลิกมา!บ่อนปรับราคาแชมป์พรีเมียร์ฯ

ร้านพูลเมืองผู้ดี ปรับราคาแชมป์ พรีเมียร์ลีก อีกรอบ หลังเห็นอาการ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยดี ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เริ่มน่ากลัวมากขึ้น
   
บริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายแทบทุกแห่งในประเทศอังกฤษ ปรับราคาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับขึ้นมาเป็นเต็ง 1 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 อีกครั้ง หลังจากเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เฉือนชนะ อาร์เซน่อล 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ ลิเวอร์พูล หล่นไปเป็นเต็ง 2

นัดล่าสุด "หงส์แดง" บุกไปเสมอ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 2-2 หลังจากเกมที่แล้วแพ้ แอสตัน วิลล่า เละเทะ 2-7 แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล กังวลใจมากที่สุดคืออาการบาดเจ็บหัวเข่าของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวเก่ง ที่มีรายงานว่า อาจต้องพักทั้งซีซั่นเลยทีเดียว
  
วิลเลี่ยม ฮิลล์ ร้านพูลชื่อดังเมืองผู้ดี ยกให้ แมนฯ ซิตี้ เป็นเต็ง 1 ที่อัตราต่อรอง 10/11 (แทง 11 จ่าย 10 ไม่รวมทุน) ส่วน ลิเวอร์พูล หล่นเป็นเต็ง 2 ราคา 2/1 (แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน) ตามมาด้วย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่อัตราต่อรอง 12/1 (แทง 1 จ่าย 12 ไม่รวมทุน)

อัตราต่อรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ วิลเลี่ยม ฮิลล์

1. แมนฯ ซิตี้         10/11 (แทง 11 จ่าย 10 ไม่รวมทุน)
2. ลิเวอร์พูล        2/1
3. สเปอร์ส            12/1
4. เชลซี            16/1
5. เอฟเวอร์ตัน        20/1
6. อาร์เซน่อล        25/1
7. แมนฯ ยูไนเต็ด        40/1
8. เลสเตอร์        66/1
9. ลีดส์            125/1
9. แอสตัน วิลล่า        125/1
11. วูล์ฟส์            200/1
11. เซาธ์แฮมป์ตัน        200/1
13. นิวคาสเซิ่ล        500/1
13. เวสต์แฮม        500/1
15. คริสตัล พาเลซ        750/1
15. ไบรท์ตัน        750/1
15. เบิร์นลี่ย์        750/1
18. เชฟฯ ยูไนเต็ด        1,000/1
19. เวสต์บรอมวิช        1,500/1
20. ฟูแล่ม            2,000/1