ซัมเมอร์หน้า มีลุ้นย้ายหรือไม่?เปิดเงื่อนไขฉีกสัญญาฮาแลนด์

หลังจากที่ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ดาวยิง ดอร์ทมุนด์ ตกเป็นข่าวการย้ายทีมอยู่เรื่อยๆ ล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ก็แทบจะดับฝันทีมที่อยากได้เขาในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า ด้วยการบอกว่าถึงแม้ ฮาแลนด์ จะมีค่าฉีกสัญญา 75 ล้านยูโร แต่มันจะมีผลในช่วงซัมเมอร์ ปี 2022 และ "เสือเหลือง" ก็ไม่คิดที่จะขายเขาด้วยค่าตัวจำนวนนั้นภายในปีหน้า

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชาวอิตาเลียนที่มีความน่าเชื่อถือสูงเปิดเผยว่าเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำของศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน นั้น จะมีผลในช่วงซัมเมอร์ปี 2022

นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในช่วงกลางฤดูกาลก่อน ฮาแลนด์ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเขาทำไปแล้ว 23 ประตูจากการลงเล่น 26 นัดในทุกรายการ ส่วนถ้านับเฉพาะฤดูกาลนี้เจ้าตัวก็กดไปแล้ว 7 ลูกจากการลงเล่นในทุกรายการ 8 เกม

อย่างไรก็ตาม ดาวยิงชาวนอร์เวย์ก็ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างหนักตามไปด้วย โดยมีข่าวว่า เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจับตาดูสถานการณ์ของเจ้าตัวอย่างใกล้ชิด และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าค่าฉีกสัญญาของเขาอยู่ที่ 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,775 ล้านบาท) ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงแต่มันก็ดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลงานการทำประตูของเขา

กระทั่งล่าสุด โรมาโน่ ก็แฉว่าค่าฉีกสัญญาของ ฮาแลนด์ อยู่ที่ 75 ล้านยูโรจริง แต่มันจะยังไม่มีผลจนกว่าจะถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2022 และตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ ก็กำลังประทับใจกับผลงานของแข้งวัย 20 ปีมากๆ จนไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเขาด้วยเงินจำนวนนั้นในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าแน่นอน

ขึ้นเลย!คูมันเซ็งVARทำบาร์เซโลน่าพ่ายเรอัลมาดริด

โรนัลด์ คูมัน กุนซือ บาร์เซโลน่า สุดเซ็งกับ VAR หลังพ่าย เรอัล มาดริด คาบ้าน 1-3 พร้อมชี้ "ราชันชุดขาว" ไม่ควรได้ลูกจุดโทษช่วงกลางครึ่งหลัง
    
โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชชาวดัตช์ของ บาร์เซโลน่า กล่าวตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน รวมถึง VAR หลังจากที่ บาร์ซ่า เปิดรัง คัมป์ นู แพ้ เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาล 1-3 ในศึก ลา ลีกา สเปน นัด "เอล กลาซิโก" เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงของ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ทว่าหลังจากนั้นแค่ 3 นาที บาร์เซโลน่า ตีเสมอเป็น 1-1 ได้ จากการยิงระยะเผาเขาของ อันซู ฟาติ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 63 "ราชันชุดขาว" ขึ้นนำอีกครั้ง จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปของ เซร์คิโอ รามอส ซึ่งจังหวะนี้ คูมัน ไม่เห็นด้วย และเชื่อว่า รามอส เป็นคนทำฟาวล์ใส่ เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ ก่อนด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ หลังเช็คภาพช้าจาก VAR เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนั้นในนาทีที่ 90 "ราชันชุดขาว" มาได้ประตูปิดท้าย จากการยิงของ ลูก้า โมดริช 

"ผมเองก็ไม่เข้าใจ VAR เหมือนกัน ผมคิดว่า มันเหมือนถูกนำมาใช้เพื่อตัดสินคัดค้าน บาร์ซ่า เท่านั้น ผมว่าจังหวะนั้น รามอส ฟาวล์ใส่ ล็องเล่ต์ ก่อนด้วยซ้ำ แน่นอนว่า มันมีการดึงเสื้อเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้แรงพอที่จะทำให้เขาล้มลงหรอก สำหรับผมแล้ว มันไม่ควรเป็นลูกจุดโทษ" คูมัน กล่าว

การปราชัยครั้งนี้ทำให้ บาร์เซโลน่า ยังคงมีแค่ 7 แต้ม จากการลงแข่ง 5 นัด รั้งอันดับ 12 ในตารางคะแนน ลา ลีกา

 

จะวุ่นไหม?คลิปแฉ1แข้งเรอัลมาดริดเหมือนจวกซีดาน

ในตอนที่ เรอัล มาดริด ไปเยือน คัมป์ นู ของ บาร์เซโลน่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น โมบีสตาร์ สื่อของสเปนถ่ายชอตที่ อีสโก้ เหมือนจะเฉ่ง ซีเนดีน ซีดาน เอาไว้ได้ โดยดาวเตะชาวสแปนิชบ่นเรื่องที่เขาได้ลงเล่นน้อย หลังจากซีซั่นนี้ยังไม่เคยได้เล่นครบ

อีสโก้ กองกลาง เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน ถูกถ่ายคลิปในตอนที่เหมือนกับว่ากำลังตำหนิ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ของทีมที่ไม่ยอมใช้งานเขามากเท่าที่ควร

ถึงแม้ฤดูกาลนี้ อีสโก้ จะได้ลงเล่นในลีกไปทั้งหมด 4 เกมจากทั้งหมด 6 นัด แต่มันก็เป็นในฐานะตัวจริงเพียง 2 เกมเท่านั้น แถมมันยังไม่มีนัดไหนที่เขาได้ลงเล่นครบ 90 นาทีเต็มเลยด้วย โดยถ้านับเป็นจำนวนนาทีแล้วนั้นเขาก็ได้เล่นไปเพียงรวม 148 นาที

ทั้งนี้ โมบีสตาร์ สื่อของสเปนรายหนึ่งไปจับคลิปตอนที่ อีสโก้ กำลังคุยกับเพื่อนร่วมทีมตอนอยู่ที่ คัมป์ นู สนามเหย้าของ บาร์เซโลน่า เอาไว้ได้ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวพูดกับเพื่อนร่วมทีมว่า "ถ้าเกิดเขาจะถอดฉันออกจากสนามแล้วล่ะก็ เขาก็จะทำตั้งแต่นาทีที่ 50 หรือ 60 ของเกม บางครั้งเขาเปลี่ยนตัวฉันตั้งแต่ตอนพักครึ่งด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขาจะเปลี่ยนฉันลงไปเล่นแล้วน่ะเขาก็จะส่งฉันลงสนามในนาทีที่ 80 นู่น"

โรม่าหมายตาสามแต้ม,”เชโก้”ยืนหวดเบเนเวนโต้ของปิ๊ปโป้

"หมาป่ากรุงโรม" โรม่า จำเป็นต้องเก็บสามแต้มให้ได้ในรังของตนเอง เอดิน เชโก้ ยังคงเป็นกำลังสำคัญยืนซัดทีมเยือน เบเนเวนโต้ น้องใหม่ที่ผลงานร้ายไม่เบา คว้าชัยสองจากสามเกมแรกของซีซั่น แทบมีนายใหญ่อย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้ คอยสั่งการ ในการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563

ปรีวิวกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563
โรม่า (10) – เบเนเวนโต้ (8)
เวลา : 01.45 น.
สนาม : สตาดิโอน โอลิมปิโก

ทีม "จัลโล่รอสซี่" นัดล่าสุดคว้า 3 แต้มแรกในฤดูกาลนี้ได้ซักทีหลังบุกชนะอูดิเนเซ่ 1-0 โดยก่อนปิดตลาดยืมตัว บอร์ฆา มาโยรัล กองหน้าจากเรอัล มาดริด
สภาพทีมในเกมนี้ เปาโล ฟอนเซก้า นายใหญ่โรม่า จะยังไม่มี 2 แนวรุก นิโกโล่ ซานิโอโล่ และฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ที่ยังบาดเจ็บรวมไปถึง คริส สมอลลิ่งกองหลังที่ซื้อขาดจากแมนฯ ยูไนเต็ด จะยังไม่พร้อม

เกมนี้คาดว่าเจ้าถิ่นจะมาในระบบ 3-4-2-1 แนวรับจะวาง จานลูก้า มันชินี่ เล่นร่วมกับ มาราช คัมบูลล่า และ โรเจอร์ อิบันเญซ แดนกลางจะให้ จอร์แดน แวร์กตูต์ ประสานงานกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ แนวรุกมี เปโดร โรดริเกซ และ เฮนริค มคิทาร์ยานสนับสนุนหน้าเป้า เอดิน เชโก้

ทีม "แม่มด" ผลงานใช้ได้เลยนัดล่าสุดชนะ โบโลญญ่า 1-0 ทำให้ชนะมา 2 จาก 3 เกมแรกในลีกสภาพทีมในเกมนี้ "ปิ๊ปโป้" อินซากี้ นายใหญ่
เบเนเวนโต้ จะไม่มี เบนิโต้ วิโอล่า, อันเดรส เตลโญ่ และ เฟเดริโก้ บาร์บา ที่ยังบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม

เกมนี้ทีมเยือนแนวรับยังนำมาโดย คามิล กลิค จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ลูก้า คัลดิโรล่า ขนาบข้างด้วย คริสเตียน มาจโจ้ และ กาเอตาโน่ เลติเซีย แดนกลางจะใช้ เปอร์ปาริม เฮเตมาย ประสานงานกับ อาร์ตูร์ โยนิต้า สามแนวรุกวาง ยาโก้ ฟัลเก้, จานลูก้า คาปรารี่ และ จานลูก้า ลาปาดูล่า

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

โรม่า (3-4-2-1) : อันโตนิโอ มิรันเต้ – จานลูก้า มันชินี่, มาราช คัมบูลล่า, โรเจอร์ อิบันเญซ – ดาวิเด้ ซานตอน, ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, จอร์แดน
แวร์กตูต์, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า – เปโดร โรดริเกซ,เฮนริค มคิทาร์ยาน – เอดิน เชโก้

เบเนเวนโต้ (4-3-3) : ลอเรนโซ่ มอนติโป – คริสเตียน มาจโจ้, คามิล กลิค, ลูก้า คัลดิโรล่า,กาเอตาโน่ เลตเซยี – เปอรป์ ารมิ เฮเตมาย, ปาสกวาเล่ เชียตาเรลล่า, อาร์ตูร์ โยนิต้า – ยาโก้ ฟัลเก้, จานลูก้า คาปรารี่, จานลูก้า ลาปาดูล่า

 

ดิมาร์ซิโอแฉเมสซี่เกือบซบเชลซีค่าตัวสถิติโลก

จานลูก้า ดิ มาร์ซิโอ เหยี่ยวข่าวชื่อก้องแฉผ่านหนังสือของตัวเองว่า ลิโอเนล เมสซี่ เกือบจะได้ย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2014 โดยตอนนั้น "สิงโตน้ำเงินคราม" จะจ่ายค่าตัวเท่ากับค่าฉีกสัญญาซึ่งสูงถึง 225 ล้านปอนด์เลย
  
ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าคนดังของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน เกือบที่จะย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2014 ตามการเปิดเผยของ จานลูก้า ดิ มาร์ซิโอ นักข่าวชื่อก้องชาวอิตาเลียน

ดิ มาร์ซิโอ เพิ่งออกหนังสือของตัวเองชื่อ "แกรนด์ โฮเตล กัลโช่แมร์คาโต้" (Grand Hotel Calciomercato) ซึ่งเป็นการบอกเล่าบรรดาเรื่องลับสุดยอดในตลาดการเสริมทัพ โดยเรื่องราวของ เชลซี กับ เมสซี่ นั้น เหยี่ยวข่าวเลือดมะกะโรนีบอกว่าการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มข้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2014 โดยตอนนั้นดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์กำลังโดนรัฐบาลสเปนกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีอยู่พอดี และเรื่องดังกล่าวก็ทำให้ เมสซี่ ไม่พอใจกับรัฐบาลของแดนกระทิงดุมากๆ จนต้องการไปใช้ชีวิตในกรุงลอนดอน แถมเขายังสนใจที่จะไปเล่นให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ในตอนนั้นด้วย

หลังจากได้หารือกับคนกลางหลายราย รวมถึงกับ เดโก้ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นเอเยนต์แล้วนั้น เมสซี่ ก็ได้พูดคุยกับ มูรินโญ่ แบบตัวต่อตัวผ่านทางแอพพลิเคชั่น เฟซไทม์ ซึ่งการสนทนาระหว่างทั้งคู่ก็เป็นไปได้ด้วยดีจนถึงขั้นที่แข้งวัย 33 ปีบอกกับทีมงานของเขาเลยว่า มูรินโญ่ จะช่วยให้ตนได้แชมป์ทุกรายการมาครอง "เขาเพิ่งคุยกับฉัน การได้ร่วมงานกับ มูรินโญ่ จะทำให้ฉันได้แชมป์ทุกรายการตามที่ฉันต้องการ เขาเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ไปปิดดีลนี้ได้เลย"

ทั้งนี้ การย้ายทีมก็ทำท่าว่าจะเกิดขึ้นเมื่อมีการตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกันได้ด้วยดี โดยตอนนั้น เชลซี จะจ่ายค่าตัวให้กับ บาร์เซโลน่า 225 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) ซึ่งตรงกับค่าฉีกสัญญาของ เมสซี่ พร้อมกับจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้ย้ายทีมด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติโลก ขณะเดียวกัน เมสซี่ ก็จะได้ค่าเหนื่อยสูงถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) ต่อซีซั่น แถมจะได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์เลย โดยที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม เชลซี กับ มูรินโญ่ มุ่งมั่นกับการทำดีลนี้ให้ได้มากๆ แต่การเจรจาทั้งหมดเกิดขึ้นโดยที่ ฮอร์เก้ คุณพ่อกับเอเยนต์ของ เมสซี่ ไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว

อย่างไรก็ตาม มันเกิดจุดเปลี่ยนในช่วงซัมเมอร์ของปี 2014 เมื่อ เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ที่ตอนนั้นเพิ่งย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปอยู่กับ เชลซี นั้น เข้าไปพูดกับ มูรินโญ่ ในเชิงดีใจว่า เมสซี่ กำลังจะตามมาร่วมงานกับเขาที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมบอกว่า เดโก้ ฝากมาบอกถึงเรื่องนี้กับ มูรินโญ่ เพราะกุนซือชาวโปรตุกีสไม่ได้รับสายของ เดโก้ เลย แต่ มูรินโญ่ ตอบไปว่า "ใช่ ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว วันก่อนฉันถึงขั้นได้คุยกับ เมสซี่ ด้วยซ้ำ"

คำตอบดังกล่าวทำให้ เชส รู้ว่ามันหมายความว่า มูรินโญ่ กำลังเจรจากับ เมสซี่ โดยตรง โดยที่มองข้าม เดโก้ ทั้งที่ เดโก้ เป็นคนช่วยทำงานในตอนแรกๆ เพื่อให้ดีลนี้มีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่ง เชส กับ เดโก้ ก็สนิทกันมากๆ จนทำให้มิดฟิลด์ชาวสแปนิชไปเตือนเรื่องดังกล่าวกับอดีตเพื่อนร่วมทีม และพอ เดโก้ รู้เรื่องนี้เขาก็ล้างแค้นด้วยการไปฟ้อง ฮอร์เก้ ว่าลูกชายของเขากำลังแอบเจรจากับ เชลซี อยู่

พอได้ยินอย่างนั้น ฮอร์เก้ ก็โมโหมากๆ จนโทรศัพท์ไปหาลูกชายเพื่อขอคำอธิบาย โดยที่ เมสซี่ พยายามแก้ตัวไปว่า "ผมไม่เห็นรู้เรื่องที่พ่อพูดเลยครับ ผมสาบานได้เลย" และสุดท้ายดีลดังกล่าวก็ล่มลง ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่แย่เท่าไหร่ของ เมสซี่ เพราะในฤดูกาล 2014-15 เขาก็ได้ทริปเปิ้ลแชมป์กับ บาร์เซโลน่า แล้วหลังจากนั้นก็คว้าแชมป์มาครองกับทีมได้อีกหลายรายการ

ดิ มาร์ซิโอ เผยว่าในปี 2013 เรอัล มาดริด เคยพยายามจะดึง เมสซี่ ไปร่วมทัพเหมือนกัน แต่ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ปฏิเสธทันควันเพราะไม่อยากหักหลัง บาร์เซโลน่า

 

ยุติดราม่า! “รามอส” ชักภาพร่วมโด้หลังเกมอุ่นเกือก

เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมเรอัล มาดริด โพสต์ภาพที่ถ่ายร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจบเกมที่ สเปน เสมอ โปรตุเกส แบบไร้สกอร์ แมตช์อุ่นเกือกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเป็นการยืนยันว่าความบาดหมางที่ไม่คุยกันมานาน 2 ปีไม่มีอีกต่อไปแล้ว
               เซร์คิโอ รามอส เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่ง เรอัล มาดริด โพสต์ภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อเป็นการยุติประเด็นดราม่ากรณีที่มีการแฉว่าตนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้พูดคุยกันมานาน 2 ปี หลังจบแมตช์ที่ สเปน เสมอ โปรตุเกส 0-0 เกมอุ่นเครื่อง เมื่อวันพุธที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

              ก่อนหน้าแมตช์นี้มีการแฉกันสนั่นโลกว่า รามอส กับ โรนัลโด้ ซึ่งเล่นร่วมกันที่ เรอัล มาดริด ไม่คุยกันอีกเลยนับตั้งแต่ที่ ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ชาวโครเอเชีย คว้ารางวัลบัลลง ดอร์ เมื่อปี 2018 เนื่องจากไม่พอใจปฏิกิริยาที่แสนเย็นชาของ "ซีอาร์ 7" หลังจากที่เจ้าตัวพลาดได้รางวัลทรงเกียรติ

             อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการยุติข้อพิพากต่างๆ รามอส ได้เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวทีมชาติโปรตุเกส พร้อมกับชักภาพถ่ายรูปร่วมกับ สตาร์ลูกหนัง "ม้าลาย" ยูเวนตุส ซึ่งทั้งคู่ได้โชว์เสื้อแข่งหมายเลข 7 ทีมชาติโปรตุเกสของ "เฮียโด้" โดยงานนี้ เปเป้ กองหลังฝอยทองที่เคยร่วมงานกับทั้งสองคนในทัพ "ราชันชุดขาว" ก็อยู่ในเฟรมเพื่อเป็นสักขีพยานด้วย

             กัปตันทีม "โลส บลังโกส" โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่าน "เฟซบุ๊ค" สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมว่า "เรายังอยู่ที่นี่…และสิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็คือความสุขที่ได้เจอกับเพื่อนๆ ของคุณ เรายังอยู่ใกล้ๆ กัน….และยังมีอะไรอีกมากมายที่จะเข้ามา ! มันช่างมีความสุขที่ได้พบกับพวกนาย, เหล่าเพื่อนผองของผม @Cristiano Ronaldo @Pepe."

 

ราชันทำได้! มาดริดไร้ปัญหาบุกเชือดเลบันเต้ขยับยึดจ่าฝูง

"ราชันชุดขาว" ของ ซีเนดีน ซีดาน ทำผลงานได้ตามเป้าหลังบุกเชือด เลบันเต้ 2-0 จาก วินิซิอุส จูเนียร์ และ คาริม เบนเซม่า ซัดคนละหนึ่งตุงพาทีมเก็บ 3 แต้มมีเพิ่มเป็น 10 คะแนนจาการลงสนาม 4 นัดขยับยึดจ่าฝูง เรียบร้อย ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ เด ลา การามิก้า

     ปาโก้ โลเปซ นายใหญ่เลบันเต้ เกมนี้กลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่อีกครั้ง โดยเกมรุกจะกลับมาเป็น โรเคร์ มาร์ตี้ ยืนล่าตาข่ายกับ โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส

     ฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด ของ ซีเนดีน ซีดาน มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติมอีกแล้วเมื่อ เอแด็น อาซาร์ และ ดานี่ การ์บาฆาล ต่างเจ็บทั้งหมด ขณะที่กองหน้าตัวเป้าไร้ปัญหา คาริม เบนเซม่า ยังพร้อมลงสนาม

    ครึ่งแรกนาทีที่ 16 เป็นเจ้าถิ่นที่บุกมาขึ้นนำได้ก่อนจากลูกยิงของ วินิซิอุส จูเนียร์ จับบอลด้วยเท้าซ้ายก่อนแนโค้งหนีมือ ไอตอร์ เฟร์นานเดซ นายประตูเลบันเต้ เข้าไปอย่างสวยงาม

    นาที 30 เจ้าถิ่นน่าได้ประตูตีเสมอสุดเมื่อ โฆเซ่ กัมปานญ่า เปิดลูกเตะมุมมาให้ นิโคล่า วุคเซวิช ขึ้นโหม่งแต่บอลไปชนคานเข้าอย่างจัง

    ในจังหวะต่อมาเป็นเรอัล มาดริด โต้กลับเร็ว มาร์โก อาเซนซิโอ แทงบอลต่อมาให้กับ คาริม เบนเซม่า กระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษทว่าจังหวะที่ยิงดันไปบล็อกกองหลังเลบันเต้

    ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ฆอร์เค่ มิรามอน ได้โอกาสลองสับไกจากนอกกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไปไมได้ลุ้น

    จบครึ่งแรก เรอัล มาดริดบุกมานำเลบันเต้อยู่ 1-0 จากประตูของ วินิซิอุส จูเนียร์ ในนาทีที่ 16

    เกมในครึ่งเวลาหลังก็ยังคงเป็นทีมเยือนที่โหมบุกอย่างต่อเนื่องและเกือบมาได้ประตูที่สองจาก คาริม เบนเซม่า แต่ทว่าบอลเจ้ากรรมดันไปชนเสาเด้งออกหลังไปซะอย่างงั้น

    เรอัล มาดริดยังคงขึงเกมบุกอย่างต่อเนื่องและในนาที 52 วินิซิอุส จูเนียร์ รับบอลมาจากเบนเซม่า ก่อนซัดด้วยขวาเต็มข้อบอลเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

    ผ่านมาครึ่งชั่วโมงของเกมคราวนี้เป็นเลบันเต้มาได้ลุ้นบ้างจาก โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส ได้โอกาสยิงจังๆ หน้าประตู แต่ดันยิงหลุดออกไปเอง

    ขยับมาถึงนาที 77 กลายเป็นเจ้าถิ่นโหมบุกบ้านและเกือบมาได้ประตูตีเสมอจากตัวสำรองอย่าง การ์ลอส เคิร์ค แต่เป็น ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปฏิเสธลูกยิงนี้ได้

    ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ราชันชุดขาวมาได้ประตูปิดกล่องจะลูกโต้กลับเร็ว โรดรีโก้ตัดบอลจากผู้เล่นเจ้าถิ่นได้ก่อนไหลยาวให้ คาริม เบนเซม่า หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดจ่อๆ ไม่เหลือ

    จบเกม เป็นเรอัล มาดริด บุกมาเอาชนะเลบันเต้ไปได้ 2-0 มีเพิ่มมาเป็น 10 คะแนน ขยับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงลา ลีกา อีกครั้ง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    เลบันเต้ : ไอตอร์ เฟร์นานเดซ – ฆอร์เค่ มิรามอน, รูเบน เวโซ่, เซร์คิโอ ปอสตีโก้, การ์ลอส เกร็ก – โฆเซ่ กัมปานญ่า, นิโคล่า วุคเซวิช, มิกคาเอล มัลซ่า, เอนีส บาร์ดี้ – โรเคร์ มาร์ตี้, โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส

    เรอัล มาดริด : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – นาโช่ เฟร์นานเดซ, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้า โมดริช, เอ็นรีเก้ คาเซมีโร่, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ – มาร์โก อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์

แฉโด้,รามอสไม่คุยกันตั้งแต่โมดริชได้บอลทองคำ

สื่อดังแดนกระทิงดุ รายงาน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เซร์คิโอ รามอส ไม่ได้พูดคุยกันเลยมานานนับตั้งแต่ที่ ลูก้า โมดริช ได้บอลทองคำเมื่อปี 2018 โดยเหตุผลสำคัญเพราะ กัปตันเรอัล มาดริด ไม่พอใจปฏิกิริยาของ "เฮียโด้" ตอนที่ สตาร์ชาวโครแอต ได้บัลลง ดอร์ ไปครอบครอง
               คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ กับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังจอมแกร่ง ซึ่งคว้าแชมป์ร่วมกับ 15 รายการในช่วงที่เล่นให้กับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ไม่ได้พูดคุยกันมานาน  2 ปีนับตั้งแต่ที่ ลูก้า โมดริช คว้ารางวัลบัลลง ดอร์ จากการเปิดเผยของ มาร์ก้า สื่อดังในประเทศสเปน
              อดีตเพื่อนร่วมสังกัด "โลส บลังโกส" มีโอกาสจะได้พบกันอีกครั้งในแมตช์ที่ โปรตุเกส ปะทะ กับ สเปน ในเกมอุ่นเครื่องวันพุธที่ 7 ตุลาคมนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมานานนับตั้งแต่ที่ โมดริช คว้ารางวัลบอลทองคำเมื่อปี 2018

              "มาร์ก้า" รายงานว่า รามอส และเพื่อนร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" ไม่สนใจ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส อีกเลยหลังจากที่ "ซีอาร์ 7" แสดงปฏิกิริยาเย็นชาจากการที่ตนเองต้องพลาดได้รางวัลทรงเกียรติซึ่งตกเป็นของ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโครเอเชีย

              ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน โรนัลโด้ เคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดที่พลาดได้บัลลง ดอร์ ในปีนั้นว่า "แน่นอน ผมผิดหวัง…เวลาอยู่ในสนามผมทำทุกอย่างเพื่อคว้าบัลลง ดอร์ แต่ผมไม่ค่อยแฮปปี้ถ้าผมไม่ได้รางวัล ผมมีเพื่อนและครอบครัวที่แสนดี ผมเล่นให้กับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ (เรอัล มาดริด)"

              "ขอแสดงความยินดีกับ โมดริช ซึ่งได้รับรางวัลนี้ แต่ในปีหน้าเราจะต้องเจอกันอีกครั้ง และผมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีเพื่อที่จะคว้ารางวัลนี้อีกครั้ง คุณคิดว่าผมจะกลับบ้านแล้วร้องไห้ไหมละ ?" อดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุ

อาการดีขึ้น!เบลอาจมีชื่อเกมสเปอร์สฉะเวสต์แฮม

ดอะ เทเลกราฟ สื่อของอังกฤษ ระบุ แกเร็ธ เบล อาจจะได้มีส่วนร่วม สเปอร์ส เป็นนัดแรกในเกมกับ เวสต์แฮม วันที่ 18 ต.ค. นี้ แต่ยังไม่ชัวร์ว่าร่างกายดีพอจะเป็นตัวจริงหรือไม่

แกเร็ธ เบล ปีกคนดังของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อาจจะมีชื่อติดทีมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ไก่เดือยทอง" มีคิวเปิดรัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ตามรายงานของ เดอะ เทเลกราฟ สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดี

เบล เพิ่งย้ายจาก เรอัล มาดริด กลับมาอยู่กับ สเปอร์ส ด้วยสัญญายืมตัวในตลาดการเสริมรัพรอบล่าสุด แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้ทีมเลยเพราะยังมีอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าที่ติดตัวมาจากตอนไปอยู่กับทีมชาติเวลส์ โดยที่จริงเขาเจ็บบริเวณนี้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะเซ็นสัญญากับ สเปอร์ส แล้วด้วย

ทั้งนี้ ล่าสุด เดอะ เทเลกราฟ เผยว่าช่วงที่ผ่านมา เบล ซ้อมได้ดีมากๆ และทำให้น่าจะติดทีมชุดดวลกับ เวสต์แฮม ไหว แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาจะมีสภาพร่างกายดีพอสำหรับการได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเลยรึเปล่า

ประเดิมแค่เจ๊า! เรอัลมาดริดเจาะไม่เข้าแค่บุกแบ่งแต้มโซเซียดาด

แชมป์เก่า เรอัล มาดริด ประเดิมสนามซีซั่นใหม่ด้วยการบุกไปแบ่งแต้มกับ เรอัล โซเซียดาด แบบไร้สกอร์ 0-0 ในเกม ลา ลีกา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : เรอาเล่ อารีน่า

    เรอัล โซเซียดาด เกมแรกบุกไปเสมอกับ บายาโดลิด 1-1 เกมนี้กลับมาเฝ้ารังรับมือแชมป์เก่า เรอัล มาดริด ที่ลงเล่นเป็นเกมแรก

    โดยเจ้าถิ่นฝากความหวังไว้ที่ กริสเตียน ปอร์ตู, มิเกล โอยาซาบัล และอเล็กซานเดอร์ ไอซัค ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ของชุดขาวส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด ลงตัวจริงในลีกเป็นนัดแรกนับแต่ พฤษภาคม ปี 2015 โดยมีสามประสานทั้ง โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์ ล่าตาข่าย

    โอกาสแรกของเกมต้องรอถึง นาที 14 โอเดการ์ด ไหลสั้นๆให้ คาริม เบนเซม่า กดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลเบาไปเข้ามือ อเล็กซ์ รามีโร่

    นาที 26 บอลสวนกลับของเรอัลได้ลุ้นอีก วินิซิอุส ได้บอลขึ้นทางขวาก่อนปาดบอลเร็วไปหน้าประตูจะถึง เบนเซม่า อยู่แล้วแต่โดน อาริตซ์ เอลุสตอนโด้ พุ่งสกัดออกหลังหวุดหวิด

    นาที 36 เซร์คิโอ รามอส กลับตัววอลเลย์ไปติดบล็อคก่อนกระดอนไปชนแขน แม้แข้งทีมเยือนจะประท้วงว่าเป็นแฮนด์บอล แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรให้เล่นต่อ

    อีก 3 นาทีถัดมา "ราชันชุดขาว" ได้ลุ้นต่อเนื่อง คราวนี้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ จ่ายต่อให้  วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดด้วยขวาหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น

    ท้ายเกม เจ้าบ้านโหมมาเป็นชุด นาที 42 โรบิน เลอ นอร์มังด์ โขกเน้นในกรอบ 6 หลา แต่บอลเหินสูงข้ามคานออกไปแบบได้เสียว

    จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เรอัล โซเซียดาด ยังเสมอกับ เรอัล มาดริด 0-0

    ครึ่งหลัง นาที 47 เจ้าบ้านชวดโอกาสได้ประตูขึ้นนำหลัง มิเกล โอยาซาบัล จ่ายไปเสาไกลให้  อันแดร์ บาร์เรเน็ตเซีย วิ่งมาแปด้วยซ้ายถากเสาสองออกไปแบบได้เสียว

    นาที 53 เป็นโอกาสของทีมเยือนบ้าง มาร์ติน โอเดการ์ด พาบอลขึ้นมาเองก่อนแทงทะลุช่องให้ คาริม เบนเซม่า หลุดเข้าไปซัดติดบล็อค เอลูสตอนโด้ เป็นเตะมุม

    เกมรุกของแชมป์เก่ามาเป็นชุดๆเหมือนกัน นาที 56 ดานี่ การ์บาฆาล ได้โอกาสซัดไกลนอกกรอบด้วยขวา บอลพุ่งแต่ยังไปเข้ามือ อเล็กซ์ รามีโร่

    นาที 68 โทนี่ โครส เล่นสั้นที่มุมธงกับ ลูก้า โมดริช ก่อนห้องเครื่องชาวเยอรมันจะวิ่งลงมารับบอลแล้วปั่นด้วยขวาเต็มแรงไปเสาไกล ยังดีที่ อเล็กซ์ รามีโร่ นายด่านเจ้าถิ่นพุ่งไปได้

    ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม เรอัล โซเซียดาด แบ่งแต้มกับ เรอัล มาดริด 0-0

    รายชื่อ11นักเตะทั้งสองทีม

        เรอัล โซเซียดาด (4-3-3) อเล็กซ์ รามีโร่ – อันโดนี่ โกโรซาเบล, อาริตซ์ เอลูสตอนโด้, อาริตซ์ เอลุสตอนโด้, ไอเอน มูนญอซ – อันเดร์ เกบาร่า, มิเกล เมรีโน่ – กริสเตียน ปอร์ตู, มิเกล โอยาซาบัล, อันแดร์ บาร์เรเน็ตเซีย – อเล็กซานเดอร์ ไอซัค

        เรอัล มาดริด (4-3-3) ติโบลต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล,เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – โทนี่ โครส, ,ลูก้า โมดริช, มาร์ติน โอเดการ์ด – โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์