เร็วสุดแค่14วิ! เปิดท็อป4แข้งยิงประตูด่วนจี๋ไทยลีก2020

ผ่านเข้าสู่นัดที่ 10 ในเลกแรก ของการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2020-2021วันนี้ทางทีมข่าวขอนำบทสรุป 4 อันดับนักเตะที่ทำสถิติยิงเร็วสุดในฤดูกาลนี้ ไปดูกันว่ามีใครบ้าง

อันดับ 1.ทำสถิติยิงเร็ว  14 วินาที สุมัญญา ปุริสาย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สุมัญญา ปุริสาย ของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นเจ้าของสถิติยิงเร็วสุด ของไทยลีก 2020 เลกแรก โดยใช้เวลาเพียงแค่ 14 วินาที เกมที่พา บีจี บุกไปนำ สุโขทัย เอฟซี ก่อน 1-0 เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2563 ที่สนามทุ่งทะเลหลวง และเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในซีซั่นนี้อีกด้วย

อันดับ 2.ทำสถิติยิงเร็ว  33 วินาที แจ็คสัน โคเอลโญ่  สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

เป็นนักเตะ "กว่างโซ่ง" สิงห์เชียงราย ฯ สัญชาติบราซิล อดีตแข้ง บุรีรัมย์ฯ และ เอสซีจี เมืองทองฯ อย่าง "ชาช่า" แจ็คสัน โคเอลโญ่ เจ้าตัวทำสถิติอันดับ 2 ขณะนี้โดยใช้เวลาแค่ 33 วินาที หลังจากผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกมนัดที่ สิงห์เชียงรายฯ เปิดบ้าน ชนะ ราชบุรีฯ ไป 2-1 เมื่อ 17 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา

อันดับ 3.ทำสถิติยิงเร็ว 48 วินาที เอลิอันโดร  สุพรรณบุรี เอฟซี

ส่วน อันดับ 3 ของสถิติการยิงเร็วสุดในฤดูกาล 2020 นี้เกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย. 2563 ที่สนาม ทรู สเตเดี้ยม เกมที่ ทรู แบงค็อกฯ แซง ชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี  ได้ 2-1 โดยแค่ 48 วินาที ของเกม เอลิอันโดร กองหน้าบราซิล ของ "ช้างศึกยุทธหัตถี"  ซัดให้ สุพรรณบุรี  บุกไปนำก่อน แต่ทีมแพ้ไปในที่สุด

อันดับ 4.ทำสถิติยิงเร็ว   1 นาที 4 วินาที มุสตาฟา อาซัตซอย  ตราด เอฟซี

และปิดท้ายที่ อันดับ 4 ยิงเร็วไทยลีก 2020 เป็นเกมที่สนามกีฬา จ.สุพรรณบุรี เอฟซีเมื่อ 3 ต.ค. 2563 เกมที่ ทีมเยือน ตราดฯ ที่ยังไม่เคยชนะมาก่อนหน้านี้บุกไปชนะ สุพรรณบุรี  ได้ถึงถิ่น 2-1 โดย ประตูแรกของเกม เกิดขึ้นหลังเกมผ่านไปแค่ 1 นาที 4 วินาทีเท่านั้น จากลูกโขกของ มุสตาฟา อาซัตซอย กองหน้า อัฟกานิสถาน  ที่ทำให้ทีมบุกไปนำก่อน 1-0 และ ชนะไปในที่สุด 2-1

ขึ้นเลย!คูมันเซ็งVARทำบาร์เซโลน่าพ่ายเรอัลมาดริด

โรนัลด์ คูมัน กุนซือ บาร์เซโลน่า สุดเซ็งกับ VAR หลังพ่าย เรอัล มาดริด คาบ้าน 1-3 พร้อมชี้ "ราชันชุดขาว" ไม่ควรได้ลูกจุดโทษช่วงกลางครึ่งหลัง
    
โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชชาวดัตช์ของ บาร์เซโลน่า กล่าวตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน รวมถึง VAR หลังจากที่ บาร์ซ่า เปิดรัง คัมป์ นู แพ้ เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาล 1-3 ในศึก ลา ลีกา สเปน นัด "เอล กลาซิโก" เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงของ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ทว่าหลังจากนั้นแค่ 3 นาที บาร์เซโลน่า ตีเสมอเป็น 1-1 ได้ จากการยิงระยะเผาเขาของ อันซู ฟาติ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 63 "ราชันชุดขาว" ขึ้นนำอีกครั้ง จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปของ เซร์คิโอ รามอส ซึ่งจังหวะนี้ คูมัน ไม่เห็นด้วย และเชื่อว่า รามอส เป็นคนทำฟาวล์ใส่ เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ ก่อนด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ หลังเช็คภาพช้าจาก VAR เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนั้นในนาทีที่ 90 "ราชันชุดขาว" มาได้ประตูปิดท้าย จากการยิงของ ลูก้า โมดริช 

"ผมเองก็ไม่เข้าใจ VAR เหมือนกัน ผมคิดว่า มันเหมือนถูกนำมาใช้เพื่อตัดสินคัดค้าน บาร์ซ่า เท่านั้น ผมว่าจังหวะนั้น รามอส ฟาวล์ใส่ ล็องเล่ต์ ก่อนด้วยซ้ำ แน่นอนว่า มันมีการดึงเสื้อเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้แรงพอที่จะทำให้เขาล้มลงหรอก สำหรับผมแล้ว มันไม่ควรเป็นลูกจุดโทษ" คูมัน กล่าว

การปราชัยครั้งนี้ทำให้ บาร์เซโลน่า ยังคงมีแค่ 7 แต้ม จากการลงแข่ง 5 นัด รั้งอันดับ 12 ในตารางคะแนน ลา ลีกา

 

รายได้ต่อปีเท่าไหร่..ถ้าเป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าเบอร์ 1 ของไทย

เพิ่งจะบอกปัดข้อเสนอสุดงดงามจากไชนีส ซุปเปอร์ลีกของจีนที่ให้ค่าจ้างต่อการตัดสิน 1 แมตช์ 1 แสนบาท และเบี้ยเลี้ยงอีกวันละ 1 หมื่น การันตีเดือนเดียวที่จ้างไปเกิน 5 แสนบาท ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า ผู้ตัดสินรายได้จะงดงามแบบนี้หรือไม่ถ้าไม่ถูกจ้างไปเป็นพิเศษ
    “เปาโค้ช”ศิวกร ภูอุดม ฟีฟ่าอีลิตที่ถูกยกให้เป็นผู้ตัดสินระดับตัวท็อปเบอร์หนึ่งของไทยในตอนนี้ ได้เปิดเผยถึงรายได้ของการตัดสินของตัวเองว่า ถ้าเป็นก่อนช่วงโควิดเมื่อปีที่แล้ว จะได้รับค่าตัดสินแมตช์ละ 1 หมื่นบาท โดยเดือน ๆ หนึ่งมี 3-4 แมตช์ก็จะได้เดือนละประมาณ 4 หมื่นบาท

        “ถ้าคิดเป็นต่อปีก็ได้อยู่ในราว 2.4 แสนบาท เพราะไม่ได้เป่าทั้งปี ขณะที่ถ้าไปเอเอฟซี จะได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 200 เหรียญหรือ 6,000 บาทในช่วงเดินทาง แมตช์แข่งก็ได้เท่ากัน แต่จะได้ค่อนข้างยาวหน่อย ปีที่แล้วผมมีรายได้จากเอเอฟซี ก็ตกประมาณ 2 แสนกว่า รวมแล้วต่อปีก็รับประมาณ 5 แสนบาททั้งลีกไทยและเอเอฟซี ไม่รวมการถูกเชิญไปตัดสินบอลลีกของเพื่อนบ้าน ถามว่าอยู่ได้ไหม ก็ได้ล่ะครับ เพราะงานจะเข้ามาเรื่อย ๆ ยิ่งผลงานดี รายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามฝีมือและผลงานไปด้วยครับ”

‘ปฎิวัติ’ ขอโทษ ‘ทินกร’ ยันไม่มีความคิดเล่นสกปรก

"ปฎิวัติ คำไหม" นายด่านสมุทรปราการ ซิตี้ ขอโทษ ทินกร อสุรินทร์ แข้งสุพรรณบุรี เอฟซี จังหวะโดนใบแดง ยืนยันไม่เคยมีความคิดที่จะเล่นสกปรกใส่เพื่อนร่วมอาชีพ
   จากเหตุการณ์ท้ายเกมในศึกไทยลีก2020-21 ที่ สมุทรปราการ ซิตี้ มาเสียจุดโทษและโดนยิง สุพรรณบุรี เอฟซี บุกมายิงประตูชัย จากจังหวะที่ ปฎิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตู สมุทรปราการ ซิตี้ ไปชักแขนใส่ ทินกร อสุรินทร์ ของสุพรรณบุรี เอฟซี ในจังหวะจะออกบอล ก่อนที่ผู้ตัดสินอดีตฟีฟ่า ชัยฤกษ์ งามสม ชักใบแดงไล่ ปฎิวัติ คำไหม ออกจากสนามทันที และเป็นจุดโทษของสุพรรณบุรี เอฟซี ด้วย ก่อนที่ แพทริก ไรเชลล์ ซัดจุดโทษเข้าไป ช่วยให้ สุพรรณบุรี เอฟซี พลิกแซงชนะ สมุทรปราการ ซิตี้ 2-1

    ล่าสุด ปฎิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตู สมุทรปราการ ซิตี้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ โดยเปิดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

    "ผมไม่รู้ว่าที่ผมออกมาโพสมันเพื่ออะไร แต่ผมอยากขอโทษกับเหตุการณ์และการกระทำที่เกิดขึ้น ขอโทษทุกคนในทีม แฟนบอลปราการและที่สำคัญพี่กร(ทินกร อสุรินทร์) ผมยอมรับว่าผมทำ แต่ผมไม่เคยมีความคิดเล่นสกปรกใส่เพื่อนร่วมอาชีพ แต่มันเป็นเสี้ยววิจริงๆ ผมขอโทษจากใจครับ"

จุดโทษชัดๆ!เอวร่าชี้แม็กไกวร์ทำอย่างกับเล่นมวยปล้ำ

ปาทริซ เอวร่า เผยความรู้สึกเมื่อเห็นจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เหนี่ยวรั้งไม่ให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เข้าเล่นบอล โดยระบุว่าทำให้นึกถึงการเล่นมวยปล้ำ ขณะเดียวกันอดีตแข้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าสมควรเป็นลูกจุดโทษแน่นอน
     เกมที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ลงเอยด้วยผลเสมอ 0-0 ซึ่งระหว่างเกมมีจังหวะปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีม’ปีศาจแดง’ ไปล็อกคอ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แนวรับของ เชลซี ในจังหวะที่ ‘สิงห์บลูส์’ ได้ลูกฟรีคิกที่เปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษ

    อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าว่าจังหวะนี้เป็นการทำฟาวล์ อีกทั้ง วีเออาร์ ก็ไม่ได้เรียกตรวจสอบความชัดเจนนี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายต่างสงสัย เพราะถ้าว่ากันตามตรง ดูเหมือนว่าเป็นลูกฟาวล์ที่ชัดเจน และ เชลซี สมควรได้ลูกจุดโทษ ถึงขนาดที่ ปาทริซ เอวร่า อดีตแข้งคนดังของ แมนยู เอง ยังเอ่ยปากในรายการของ สกาย สปอร์ต ว่าไม่ว่ายังไงเสีย จังหวะนี้ก็ต้องเป็นการฟาวล์

    "ผมเคยดูมวยปล้ำ และเขา (แม็กไกวร์) ทำให้ผมนึกถึง ฮัลค์ โฮแกน (ยอดนักมวยปล้ำชื่อดังของ WWE) มันชัดเจนว่าเป็นลูกจุดโทษ ผมคิดว่าเราน่าจะได้พูดถึงเรื่องนี้กันทั้งวันเลยล่ะ" อดีตแบ็กซ้ายปีศาจแดง กล่าว

    นอกจากนี้ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ อดีตกองหน้าของ เชลซี และทำหน้าที่ในห้องส่งของ สกาย สปอร์ต เช่นเดียวกับ เอวร่า ก็ระบุว่า แม็กไกวร์ พยายามรั้ง อัซปิลิกวยต้า ไว้เพื่อไม่ให้เล่นบอลแบบชัดเจน

    "100 % เลยว่าต้องเป็นลูกจุดโทษ แม็กไกวร์ เขาทำอะไรของเขาน่ะ" อดีตผู้เล่นทีมชาติฮอลแลนด์ กล่าวในช่วงพักครึ่งแรก

    "หากคุณได้มองจากมุมต่างๆ แล้วล่ะก็ เขา (แม็กไกวร์) เหนี่ยวรั้งคอ อัซปิลิกวยต้า และจงใจหยุดไม่ให้เขา (อัซปิลิกวยต้า) เทคตัวกระโดด แม็กไกวร์ ใส่น้ำหนักตัวทิ้งลงไปตรงไหล่ของ อัซปิลิกวยต้า"

เลสเตอร์เร่งฟอร์ม! “แมดดิสัน”คุมเกมรออัดซอร์ย่าศึกยูโรปาลีก

"จิ้งจอก" เลสเตอร์ ผลงานในลีกสองเกมหลังจบมือเปล่า เกมนี้ขอเร่งฟอร์มให้ได้ เจมส์ แมดดิสัน อาสาคุมแดนกลางลงสู้ทีมเยือน ซอร์ย่า สโมสรแกร่งจากยูเครน ประเดิมรับสามแต้มแมตช์นี้ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ปรีวิวฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี (นัดแรก)
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
เลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) – ซอร์ย่า (ยูเครน)
เวลา : 02.00 น.
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ของเลสเตอร์ ซิตี้พาทีมลงสนามเกมล่าสุด โดนแอสตัน วิลล่าบุกมาเฉือนชนะไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 1-0 อย่างน่าเสียดาย ทำให้พวกเขาแพ้รวด 2 เกมติด

    ความพร้อมของทีมเวลานี้ ร็อดเจอร์ส ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เจมี่ วาร์ดี้ หอกตัวความหวังของทีม จะยังไม่สามารถลงช่วยทีมในเกมนี้ได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่น่อง คาดว่าจะกลับมาในนัดที่จิ้งจอกจะบุกไปเยือนอาร์เซน่อล ในวันที่ 26 ตุลาคมที่จะถึงนี้

    เช่นเดียวกับ วิลเฟรด เอ็นดิดี้, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, แดเนียล อามาร์ตีย์ และ คักลาร์ โซยุนชู ที่ยังคงไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

    เชื่อว่าเกมนี้ ร็อดเจอร์ส จะมีการปรับเปลี่ยนทัพอยู่พอสมควรเนื่องจากต้องเซฟพวกแกนหลักไว้ใช้ในเกมลีก ที่ต้องเจอไอ้ปืนใหญ่ โดยจะส่งพวกสำรองลงอย่าง  เวส มอร์แกน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน และ เจนกิซ อุนเดอร์

    วิคเตอร์ สคริปนิค เทรเนอร์ของซอร์ย่า พาทีมลงสนามเกมล่าสุด เจ๊ากับ โคลอส 1-1 ทำให้พวกเขาไม่แพ้ใครมา 5 เกมติด

    ขุมกำลังเวลานี้ สคริปนิค จะยังคงไม่ได้ใช้งาน เซาด์รี่ มาคารัดเซ่ ผู้รักษาประตู และ มักซิม คาซาคอฟ กองกลาง ที่มีอาการบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนามในเกมนี้

    ส่วนแข้งแกนหลักรายอื่นๆ ต่างพร้อมกันช่วยทีมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซายยัดมาเนช กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ที่ยืมมาจากเฟเนร์บาห์เช่, มีคีต้า เชฟเชนโก้ นายประตูกัปตันทีม,โจเอล อาบู ฮันน่า, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ และ อังเดรจ์ส ซิกานิคส์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ติโมธี คาสตานเญ่, เวส มอร์แกน, จอนนี่ อีแวนส์, เจมส์ จัสติน – น็อมปาลิส เมนดี้ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน, เจนกิซ อุนเดอร์ – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

    ซอร์ย่า (4-5-1) : มีคีต้า เชฟเชนโก้ – เดนิส ฟาโวรอฟ, วิตาลี่ เวอร์นีดุบ, โจเอล อาบู ฮันน่า, จูนินโญ่ เลโอวิกิโด้ – ลอฟโร่ ซเว็ค, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, เยกอร์ นาซารีน่า, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ, อังเดรจ์ส ซิกานิคส์ – อัลลาห์ยาร์ ซายยัดมาเนช  

ผู้จัดการทีม : วิคเตอร์ สคริปนิค    

ผู้ตัดสิน : สเตฟานี่ ฟรัปปาร์ (ฝรั่งเศส)

คล็อปป์เป่าปาก! อาแจ็กซ์ยิงตัวเอง-ลิเวอร์พูลบุกเฉือนหวิว เปิดหัวชปล.

"หงส์แดง" ฟอร์มเหนียวแน่นทั้งที่มีปัญหาแนวรับ แต่ยังบุกไปคว้าชัยเหนือ อาแจ็กซ์ หวุดหวิด 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ประเดิมสามแต้มแรก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม :  โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า

    เอริค เทน ฮาก เกมนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่จัดตัวเก่งทั้ง ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส และดูซาน ทาดิช ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" มาในสภาพทีมไม่สมบูรณ์หลังแนวรับมีปัญหาลงไม่ได้ทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ และโฌแอล มาติป ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ โจ โกเมซ แทนส่วนแนวรุกยังเป็น 3 ประสานทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

    ครึ่งแรกเริ่มมาได้แค่ 9 นาที เจ้าบ้าน อาแจ็กซ์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง โมฮัมเหม็ด คูดาส เล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ควินซี่ โพรเมส ลงมาเล่นแทน

    นาที 15 อาเดรียน นายด่านของ "หงส์แดง" เกือบทำพลาดหลังออกบอลด้วยเท้าหน้าประตูตัวเองไปติดบล็อคแข้งเจ้าถิ่น แต่ดีที่บอลกระเด้งไปตรงกรอบ

    ก่อนเจ้าถิ่นจะได้เตะมุมในนาทีถัดมา บอลต่อเนื่องจาก ดูซาน ทาดิช เปิดยาวไปเสาไกลให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์แบ็กเทกตัวขึ้นโขกแต่บอลยังไปตรงตัว อาเดรียน

    "หงส์แดง" ได้ลุ้นบ้าง นาที 19 เจมส์ มิลเนอร์ ซัดนอกกรอบแต่บอลก็ไม่ได้ลุ้น อีกนาทีถัดมา เคอร์ติส โจนส์ ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลก็เบาไปเข้ามือ โอนาน่า อีก

    นาที 32 อาแจ็กซ์ พลาดโอกาสลุ้นขึ้นนำ หลัง ดาวิด เนเรส  เปิดบอลให้  ควินซี่ โพรเมส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงติดเซฟของ อาเดรียน

    นาที 35 ประตูแรกของเกมเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่บุกมานำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มิลเนอร์ ทุ่มบอลเข้ามาให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกบอลหลบเข้าปในกรอบก่อนหวดด้วยขวา บอลพุ่งไปโดนขา นิโกลัส ตายาฟิโก้ กลายเป็นเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าประตูตัวเองไป

    นาที 40 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สปีดพาบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาถึงหน้ากรอบก่อนไหลออกขวาให้ ซาลาห์ เลี้ยงตัดเข้าซ้ายข้างถนัดแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย

    นาที 44 "หงส์แดง" เกือบพลาดเสียประตู หลัง ดูซาน ทาดิช หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อาเดรียน กำลังจะเข้าประตูไปแล้ว แต่ ฟาบินโญ่ ยังวิ่งตามไปสกัดบอลบนเส้นอย่างหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา โรเบิร์ตสัน กระชากบอลก่อนเปิดไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกแต่บอลยังไปติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า

    จบครึ่งแรก อาแจ็กซ์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1

    ครึ่งหลังกลับมาบู๊กันแค่ นาที 46 เจ้าบ้านเกือบได้ลูกตีเสมอหลัง ดาวี่ คลาสเซ่น ซัดบอลนอกกรอบผ่านมือ อาเดรียน ไปแล้วแต่ยังไปแม่นเสาอย่างน่าเสียดาย

     เกมแลกกันสนุก นาที 57 ทัพหงส์ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาเข้าหัว ฟาบินโญ่ โหม่งเน้นๆแต่บอลไปติดผู้เล่นเจ้าถิ่นออกหลังหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วันนี้โดดเด่นสุดๆ ครอสบอลไปหน้ากรอบให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นโขกหลุดกรอบออกไป

    ทว่าหงส์บุกเพลินๆ เกือบโดน อาแจ็กซ์ ตีเสมอ นาที 58 บอลสวนกลับของ นูส์แซร์ มาซราอูย แบ็กขวาครอสมาให้ ควินซี่ โพรเมส ยิงเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟของ อาเดรียน ปัดออกหลัง

    นาที 60 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนรวดเดียว 3 คน ถอดสามแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ออกแล้วส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่, ทาคูมิ มินามิโนะ และดีโอโก้ โชต้า ลงไปเล่นแทน

    อีก 10 นาทีถัดมา ทาคูมิ มินามิโนะ เกือบใส่สกอร์ที่สองให้ลิเวอร์พูล หลังรับลูกจาก ชากิรี่ ก่อนตั้งป้อมตะบันไกลเต็มแรงบอลพุ่งจน อ็องเดร โอนาน่า ต้องปัดออกไป

    ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม อาแจ็กซ์ พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล 0-1

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         อาแจ็กซ์ (4-3-3) : อ็องเดร โอนาน่า – นูส์แซร์ มาซราอูย, แปร์ ชูร์ส์,  ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส ตายาฟิโก้ –  ไรอัน กราเวนเบิร์ค, ดาเล่ย์ บลินด์, ดาวี่ คลาสเซ่น – ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส (ควินซี่ โพรเมส น.9), ดูซาน ทาดิช

         ผู้จัดการทีม : เอริค เทน ฮาก

         ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
 
       ผู้จัดการทีม :  เจอร์เก้น คล็อปป์

         ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)

แลมพ์สไม่ปลื้ม! เชลซีเหงาเปิดรังเจ๊าเซบีย่าไร้สกอร์ประเดิม ชปล.

แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังต้องเรียกความมั่นใจคืนสู่ทีมหลังเปิดบ้านเจ๊า เซบีย่า 0-0 เก็บได้เพียง 1 คะแนนประเดิมถ้วยยุโรปทำให้ 5 เกมที่ผ่านมาคว้าชัยได้เพียง 1 นัด ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี) คืนวันอังคารที่ผ่านมา
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เพิ่งเปิดบ้านเสมอกับเซาธ์แฮมป์ตัน 3-3 ในเกมลีกนัดล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมทำให้ 4 นัดที่ผ่านมา สิงห์บลูส์คว้าชัยได้เพียงแค่เกมเดียว

    ทางด้าน จูเลน โลเปเตกี พึ่งพาเซบีย่าบุกไปพ่ายให้กับกรานาด้า 0-1 ในเกมลีกนัดที่ผ่านมา ทำให้ทีมเยือนไม่ชนะใครมา 2 นัดติดต่อกันแล้ว
   
    5 นาทีผ่านเป็น เชลซี ทักทายก่อนจากบอลทางขวาของ  รีซ เจมส์ สอดขึ้นมาครอสเข้าในเกือบเข้าทาง ไค ฮาแวร์ทซ์ แต่ยังไปติดบล็อคแนวรับ เซบีย่า ทิ้งตัวสกัดเอาไว้ได้นิดเดียว

    นาทีที่ 14 เจ้าถิ่น มาเสียใบเหลืองแบบไม่น่าเสียเป็น จอร์จินโญ่ จ่ายบอลไม่ดีโดน ลูคัส โอคัมโปส ดักบอลได้เกือบโดนสวนกลับต้องยอมตัดเกมโดนใบเหลืองไป

    4 นาทีต่อมา เซบีย่า เกือบทะยานขึ้นนำเป็นฟรีคิกของ ซูโซ่ วางลึกไปเสาไกลเข้าหัว เนมานย่า กูเดลจ์ โขกบอลแฉลบ คูร์ท ซูม่า เปลี่ยนทางเกือบเข้าประตูติดมือ เอดูอาร์ เมนดี้ ควักออกมาได้ทัน

    30 นาทีผ่าน เจ้าถิ่น ได้เสียวอีกครั้ง เมสัน เมาน์ท แทงช่องสุดงามให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะหลบ ยัสซีน บูนู แต่บอลแรงหลุดออกหลังไปและมีธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อนแล้วด้วย

    นาทีต่อมาจากบอลทางขวาของ รีซ เจมส์ ตั้งป้อมครอสเข้าในไปติด เซร์จี้ โกเมซ เลยมาถึง ติโม แวร์เนอร์ แต่งหาช่องซัดด้วยขวาบอลไปแฉลบย้อยเข้ามือ ยัสซีน บูนู รับไว้ไม่พลาด

    ท้ายครึ่งแรก ทีมเยือน มาเสียวส่งท้ายจากความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์กอส อากุนญ่า หมุนเอาชนะ คริสเตียน พูลิซิช ตักไปเสาไกลให้ ซูโซ่ ขึ้นเอาชนะ เบน ชิลเวลล์ โขกบอลหลุดออกไปได้ลุ้น

    ช่วงทดเจ็บ "สิงโตน้ำเงินคราม" หวิดงานเข้า คูร์ท ซูม่า สกัดบอลผิดเหลี่ยมมาเข้าทาง ลูคัส โอคัมโปส ในกรอบเขตโทษแต่งเข้าขวาปั่นโค้งไปเข้ามือ เอดูอาร์ เมนดี้ ล้มตัวรับไว้ได้

    หมดครึ่งเวลาแรก เชลซี 0  เซบีย่า 0

    ครึ่งหลังเริ่มได้เพียง 2 นาที เชลซี โหมบุกทันทีมาได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางซ้ายของ เบน ชิลเวลล์ โยนมาเข้าหัว คูร์ท ซูม่า โขกคนเดียวโล่งๆไปตรงตัว ยัสซีน บูนู อย่างน่าเสียดาย

    นาทีที่ 55 ติโม แวร์เนอร์ ถอยมาเก็บบอลหน้าหัวกะโหลกก่อนปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามผู้เล่น เซบีย่า แต่ยังไม่ดีพอผ่านมือ ยัสซีน บูนู ล้มตัวตะปปไว้ไม่พลาด

    3 นาทีต่อมา "สิงโตน้ำเงินคราม"  เร่งเครื่องต่อ ไค ฮาแวร์ทซ์ ป้ายบอลออกขวาให้   รีซ เจมส์ สอดมาตักลึกมาให้ เบน ชิลเวลล์ ขึ้นเอาชนะแนวรับ เซบีย่า แต่ก็ยังโขกไปตรงตัว ยัสซีน บูนู

    นาทีที่ 68 เซบีย่า แลกหมัดบ้างจากลูกเตะมุมทางซ้ายของ อิวาน ราคิติช วางบอลเข้าเขตโทษย้อนให้ โจน จอร์ดาน ตวัดตามน้ำด้วยขวาตูมเดียวเฉี่ยวคานออกไปเหมือนเดิม

    หลังจากนั้นรูปเกมค่อนข้างอึดอัด ไม่กล้าเปิดแลกด้วยกันทั้งคู่ เซบีย่า มาได้ลุ้นในช่วงทดเจ็บจากบอลทางฝั่งซ้ายโยนลึกเข้ากรอบเขตโทษเลยไปถึง เอดูอาร์ เมนดี้

    จบเกม เชลซี 0  เซบีย่า 0 ลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังเร่งไม่ขึ้นเก็บ 1 คะแนนประเดิมถ้วย ชปล. แถมคว้าชัยได้เพียง 1 เกมในรอบ 5 นัดที่ลงสนามรวมทุกรายการ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง

    เชลซี (4-2-3-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ – รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, คูร์ท ซูม่า, เบน ชิลเวลล์ – เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ – เมสัน เมาน์ท, ไค ฮาแวร์ทซ์, คริสเตียน พูลิซิช – ติโม แวร์เนอร์

ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    เซบีย่า (4-3-3) : ยัสซีน บูนู – เฆซุส นาบาส, เซร์จี้ โกเมซ, ดีเอโก้ คาร์ลอส, มาร์กอส อากุนญ่า – อิวาน ราคิติช, แฟร์นานโด, เนมานย่า กูเดลจ์ – ลูคัส โอคัมโปส, ลุค เดอ ยอง, ซูโซ่

ผู้จัดกาารทีม : จูเลน โลเปเตกี

ผู้ตัดสิน : เดวิด แมสซา

ปาร์เตย์นำทัพ! อาร์เซน่อลขอชัยบุกปะทะราปิดเปิดหัวยูโรปาลีก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เกมลีกแพ้มา งานนี้มีภารกิจบอลยุโรปถ้วยเล็ก โธมัส ปาร์เตย์ ลงยืนคุมแดนกลางนำทีมลุยเจ้าบ้าน ราปิด เวียนนา ทีมแกร่งจากออสเตรียที่ฟอร์มเพิ่งดุดัน ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ปรีวิวยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ราปิด เวียนนา (ออสเตรีย )- อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
เวลา : 23.55 น.
สนาม : อัลลิอันซ์ สตาดิโอน

    ราปิด เวียนนา ไล่อัดเวียเนอร์ นอยสตัดท์ 5-1 ในศึกออสเตรีย คัพ ล่าสุด และชนะ 3 นัดติดต่อกัน กุนซือ ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์ ไร้ปัญหารบกวนเพิ่มเติมแม้มีรายงานว่านักเตะ   รายนึงที่ไม่มีการเผยชื่อ ติดโควิดก็ตาม แต่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ 

    ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ต่างพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม นำโดย ฟิลิป สตอยโควิช, มักซิมิเลียน โฮฟมันน์, เซอร์ดาน กราโฮวัช, เดยัน ลูบิซิช, ฟิลิปป์ โชเบสแบร์เกอร์ และ ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส 

อาร์เซน่อล พ่ายแมนฯ ซิตี้ 0-1 ในพรีเมียร์ลีกล่าสุด และเป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 3 เกม กุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ปราศจาก โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส และ เมซุต โอซิล ที่ไม่ได้ใส่ชื่อไว้

    ส่วน โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางตัวใหม่ น่าจะได้ออกสตาร์ต เช่นเดียวกับบรรดาดาวรุ่งอย่าง รีสส์ เนลสัน, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ โจ วิลล็อค ก็น่าจะได้มีส่วนร่วมทั้งหมด
   
11 นักเตะตามคาด   
   
    ราปิด เวียนนา (3-4-3) : ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์ – ฟิลิป สตอยโควิช, มักซิมิเลียน โฮฟมันน์, มาเตโอ บารัช – เคลวิน อราเซ่, เซอร์ดาน กราโฮวัช, เดยัน ลูบิซิช, มักซิมิเลียน อูลล์มันน์ – ฟิลิปป์ โชเบสแบร์เกอร์, เออร์คาน คาร่า, ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส

    เทรนเนอร์ : ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : รูนาร์ รูนาร์สสัน – ดาวิด ลุยซ์, กาเบรียล มากัลเญส, เซอัด โคลาซินัช – เซดริก โซอาเรส, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, โธมัส ปาร์เตย์, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ – โจ วิลล็อค, รีสส์ เนลสัน – เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

    เทรนเนอร์ : มิเกล อาร์เตต้า    

    ผู้ตัดสิน : พาเวล คราโลเว็ช (เช็ก)

รอดไม่รอด? เอฟเอยันแล้วลงดาบย้อนหลังพิคฟอร์ดหรือไม่

จอร์แดน พิคฟอร์ด นายด่านเอฟเวอร์ตัน จะไม่โดนตัดสินลงโทษแบนย้อนหลัง จากเหตุการณ์เสียบสกัดใส่ เฟอร์จิล ฟานไดค์ อย่างรุนแรงจนทำให้แนวรับชาวดัตช์เจ็บหนักจนเล่นต่อไม่ไหว ในเกมเมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์
   
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ ประกาศยืนยันว่าจะไม่ตัดสินลงโทษแบนย้อนหลัง จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษของ เอฟเวอร์ตัน จากเหตุการณ์เสียบสกัดใส่ เฟอร์จิล ฟานไดค์ อย่างรุนแรงจนทำให้แนวรับชาวดัตช์เจ็บหนักจนเล่นต่อไม่ไหว ในเกมเมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา

เกมดังกล่าว พิคฟอร์ด เข้าเสียบสกัดใส่ ฟานไดค์ อย่างรุนแรงในเขตโทษหลังจากเกมผ่านไปเพียง 6 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้แนวรับชาวดัตช์ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ในนาทีที่ 11 และจากผลการสแกนระบุว่าเส้นเอ็นบริเวณหัวเข่าได้รับความเสียหายจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งคาดว่าต้องพลาดลงสนามหลายเดือน

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์นี้นายด่านวัย 26 ปี กลับไม่โดนลงโทษจากผู้ตัดสิน เนื่องจากวีเออาร์ดูภาพย้อนหลังแสดงให้เห็นว่า ฟานไดค์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อน รวมถึงการเข้าปะทะของ พิคฟอร์ด ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องเป็นใบแดง

ก่อนที่ล่าสุดมีการยืนยันออกมาแล้วว่า พิคฟอร์ด จะไม่โดนลงโทษตัดสินแบนย้อนหลังจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากผ่านการตรวจสอบจากทีมงานวีเออาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกฏของเอฟเอที่ระบุไว้ว่าจะมีการพิจารณาการลงโทษย้อนหลังสำหรับเหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินในสนาม หรือผู้ตัดสินในห้องวีเออาร์ไม่เห็นเหตุการณ์เท่านั้น