โอบาเมย็องไร้สกอร์ 5 เกมติดครั้งแรกในรอบ 6 ปี

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ไร้ชื่อบนสกอร์บอร์ด 5 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่ อาร์เซน่อล เปิดบ้านพ่ายต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
  
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กองหน้ากัปตันทีม อาร์เซน่อล ต้องเจอสถิติเลวร้ายที่ไม่น่าจดจำ เมื่อเจ้าตัวไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูติดต่อกัน 5 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

โอบาเมย็อง คือผู้เล่นคนสำคัญของ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเป็นคีย์แมนที่พา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ โดยตลอดฤดูกาล 2019/20 กองหน้าทีมชาติกาบอง ซัดไป 29 ประตู จากทุกรายการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะหลังจากที่ โอบาเมย็อง ทำประตูได้ในเกมเปิดฤดูกาลที่เอาชนะ ฟูแล่ม 3-0 และจรดปากกาต่อสัญญากับ ‘ไอ้ปืนใหญ่" ออกไป นับตั้งแต่นั้นเจ้าตัวกลับทำประตูไม่ได้อีกเลย ซึ่งนับเป็นจำนวน 5 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยสถิติไร้สกอร์ 5 เกมติดครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 สมัยที่เขายังค้าแข้งกับ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์

 

เลสเตอร์เช็กฟิต “วาร์ดี้”,อาร์เซน่อลส่ง “ปาร์เตย์” ตัวจริงหนุน “โอบาเมย็อง”โป้ง

"จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องลุ้น เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงตัวเก่งฟิตสมบูรณ์ทันลงช่วยทีมล่าตาข่ายเกมเยือนถิ่น "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่คาดว่าจะส่ง โธมัส ปาร์เตย์ ลงตัวจริงป้อน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD1 (เวลา : 02.15 น.)
ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563
อาร์เซน่อล   –   เลสเตอร์ ซิตี้
ถ่ายทอดสด : True Premier HD1   (เวลา : 02.15 น.)

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

อาร์เซน่อล :

    เจ้าบ้านปืนใหญ่ภายใต้การคุมทัพของ มิเกล อาร์เตต้า ผลงานนัดล่าสุดบุกชนะ ราปิด เวียนนา 2-1 ในศึกยูโรปา ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ และในเกมลีกเมื่อสัปดาห์ก่อน แพ้ แมนฯซิตี้ 0-1

    ความพร้อมในเกมนี้ ต้องรอเช็กความฟิตของ วิลเลี่ยน และ ดานี่ เซบายอส ซึ่งมีอาการบาดเจ็บติดตัวเล็กน้อย แค่คาดว่าจะฟิตทันเกมวันนี้ และได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ส่วน

    ร็อบ โฮลดิ้ง กองหลังที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ ยังต้องนั่งอยู่ข้างสนามต่อไป

    คาดว่า มิเกล อาร์เตต้า จะมาในระบบ 4-3-3 นำโดย กัปตันทีม ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, ดาวิด ลุยซ์, วิลเลี่ยน, ดานี่ เซบายอส และ โธมัส ปาร์เตย์ นักเตะใหม่มีโอกาสได้เล่นตัวจริงเป็นเกมแรกด้วย

เลสเตอร์ ซิตี้ :

    ด้านทีมเยือน เลสเตอร์ ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาทีมแพ้ในลีกมา 2 นัดติดต่อกัน แต่นัดล่าสุดลงเล่นในศึกยูโรปา ลีก เมื่อกลางสัปดาห์เอาชนะ ซอร์ย่า ได้ 3-0

    โดยเกมนี้ทีมจะไม่มี  ริคาร์โด้ เปเรยร่า, คักลาร์ โซยุนชู, แดเนียล อามาร์ตีย์ และ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ บาดเจ็บอยู่ทั้งหมด แต่ในรายของ เจมี่ วาร์ดี้ ศูนย์หน้าตัวเก่งที่บาดเจ็บที่น่องและพลาดการลงสนามมา 3 นัดหลังสุด นัดนี้ต้องรอเช็กความฟิต แต่คาดว่าจะฟิตและลงช่วยทีมได้

    การจัดทัพ ทีมเยือนน่าจะมาในระบบเก่ง 4-1-4-1 โดยมี เวสลี่ย์ โฟฟาน่า กับ จอนนี่ อีแวนส์ เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก ด้านแบ็กขวา-ซ้ายใช้ทาง ทิโมธี กาสตานเญ่ กับทาง เจมส์ จัสติน แดนกลางมี น็อมปาลิส เมนดี้ เป็นตัวตัดเกม ด้านตัวทำเกมสองคน เป็น ยูริ ตีเลอมันส์ กับทาง เจมส์ แมดดิสัน ส่วนฝั่งริมเส้นขวาซ้าย ใช้งาน อาโยเซ่ เปเรซ กับทาง ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ กองหน้าตัวเป้า เป็น เจมี่ วาร์ดี้ ที่กลับมาลงเล่นให้กับทีมได้

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    อาร์เซน่อล (4-3-3) : แบรนด์ เลโน่ – เอ็คตอร์ เบเยริน, ดาวิด ลุยซ์, กาเบรียล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นี่ย์ – ดานี่ เซบายอส, โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาคา – นิโกล่าส์ เปเป้, วิลเลี่ยน, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
    ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า

    เลสเตอร์ ซิตี้ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ทิโมธี กาสตานเญ่, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, เจมส์ จัสติน – น็อมปาลิส เมนดี้ – อาโยเซ่ เปเรซ, ยูริ ตีเลอมันส์, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – เจมี่ วาร์ดี้ (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่)
    ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

    ผู้ตัดสิน : เคร็ก เพาสัน

วาร์ดี้ฮีโร่โขกชัย! เลสเตอร์แสบบุกอัดอาร์เซน่อลถึงรัง แซงขึ้นท็อป4

เจมี่ วาร์ดี้ กลายเป็นตัวแสบสำหรับ "ไอ้ปืนใหญ่" หลังลงมาสำรองในครึ่งหลังก่อนโขกประตูชัยพา เลสเตอร์ บุกมาทุบ อาร์เซน่อล ถึงเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-0 ส่งผลให้ปืนโตแพ้ 2 เกมติด ส่วน "จิ้งจอกสยาม" หลังพ่ายมา2นัดติดกลับมาซิวสามแต้มแซงขึ้นไปรั้งอันดับ 4 มี 12 แต้มและตามจ่าฝูง เอฟเวอร์ตัน แค่คะแนนเดียวเท่านั้น ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

    "บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายคืนวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ที่บุกไปพ่ายให้ แมนฯซิตี้ 0-1 สัปดาห์ก่อนจะบุกไปเฉือน ราปิด เวียนนา 2-1 ในเกมยูโรปา ลีก เกมนี้กลับมาเปิดรังรับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่แพ้ในลีกมา 2 นัดล่าสุด ทว่าเกมยุโรปกลางสัปดาห์เปิดบ้านต้อนเอาชนะ ซอร์ย่า 3-0

    แมตช์นี้ มิเกล อาร์เตต้า จัดระบบ 4-3-3 โธมัส ปาร์เตย์ ได้ประเดิมตัวจริงในเกมลีกนัดแรกประสานงานร่วมกับ กรานิต ชาคา ส่วนสามแนวรุกเป็น บูกาโย่ ซาก้า, อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ส่วนทางฝั่ง "จิ้งจอกสยาม" ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกมนี้ได้ เจมี่ วาร์ดี้ หายเจ็บมีชื่อเป็นตัวสำรอง ส่วนแนวรุกให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ยืนค้ำหน้าประสานงานกับ  เจมส์ แมดดิสัน และเดนนิส ปราต

    ออกสตาร์ทเกมมาไม่ถึง 2 นาที เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ทักทายก่อนหลังเจ้าบ้านออกบอลพลาด เจมส์ แมดดิสัน ได้บอลกลางสนามก่อนเห็น เลโน่ ออกมาไกลเลยซัดกว่า 40 หลาบอลพุ่งหลุดกรอบเข้าข้างตาข่าย

    แต่ในนาทีที่ 4 ดานี่ เซบายอส เปิดเตะมุมมาเสาแรกให้ อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ โขกเข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสิน เคร็ก เพาสัน ไม่ให้ประตูหลัง VAR ยืนยันว่า กรานิต ชาคา ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปมีส่วนรวมกับประตู

    นาที 21 กรานิต ชาคา แทงทะลุช่องให้ ลากาแซตต์ หลุดเข้าไปก่อนจะดึงจังหวะแล้วจ่ายสั้นให้ บูกาโย่ ซาก้า เติมมาซัดด้วยซ้ายมุมแคบไปเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

    รูปเกมยังเป็น ไอ้ปืนใหญ่ ที่โหมบุกโจมตีเข้าใส่มากกว่า นาที 29 คีแรน เทียร์นี่ย์ ได้บอลทางซ้ายก่อนครอสมาในกรอบ 6 หลา อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ พยายามโขกแต่บอลโดนบางไปก่อนไปถูก คริสเตียน ฟุคส์ ออกหลัง

    ท้ายครึ่งแรก นาที 42 ปืนใหญ่มีโอกาสอีกครั้งหลัง ดานี่ เซบายอส ครอสไปเสาไกล ไอ้หนู ซาก้า พยายามปาดเร็วแต่บอลมาติดขาตัวเองก่อนหาโอกาสซัดด้วยซ้ายมุมแคบแต่บอลไปเข้าข้างตาข่าย

    จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0

    ครึ่งหลัง แม้อาร์เซน่อลจะครองบอลได้เหนือกว่าแต่ยังหาโอกาสจบไม่ได้ กลายเป็น ทีมเยือนที่เล่นฉาบฉวยได้ดีกว่า นาที 51 แมดดิสัน ลองอีกครั้งด้วยการตักบอลกว่าครึ่งสนามให้ข้ามหัว เลโน่ แต่ยังดีที่นายด่านชาวเยอรมันไม่หลงถอยหลังกลับมารับบอลไว้

    ถัดมาอีก 2 นาที แมดดิสัน เจ้าเดิมพาบอลขึ้นมาหน้ากรอบก่อนตัดสินใจซัดเต็มแรง แต่บอลยังไปติดบล็อคของ กาเบรียล มากัลเญส

    นาที 57 เลสเตอร์ มาได้ลุ้นฟรีคิกกว่า 25 หลา และเป็น เจมส์ แมดดิสัน ที่ปั่นข้ามกำแพงเหินหลังออกไปไกล

    เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมง เลสเตอร์ เปลี่ยนตัวส่ง เจมี่ วาร์ดี้ ลงมาเล่นแทน เดนนิส ปราต

    นาที 68 อาร์เซน่อลชวดได้ประตูขึ้นนำหลัง โอบาเมย็อง หลุดถึงเส้นหลังก่อนครอสมากลางประตูให้ เอ็คตอร์ เบเยริน วิ่งมาแปด้วยขวา แต่บอลไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ทุบบอลออกไปได้

    นาที 80 แนวรับของปืนโตมาพลาดหลัง ยูริ ตีเลอมันส์ ตักบอลข้ามแนวรรับเจ้าบ้านให้ เชนกีซ อุนเดอร์ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนเปิดเร็วเข้ากลางให้ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ยืนโล่งๆ โขกเข้าไป พร้อมพา "จิ้งจอก" บุกมานำอาร์เซน่อล 1-0

    จบเกม อาร์เซน่อล แพ้คาบ้านให้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ส่งผลให้ลูกทีมของ อาร์เตต้า แพ้ในลีก 2 นัดติด รั้งอันดับ 10 ของตารางมี 9 คะแนน ส่วน "จิ้งจอกสยาม" หยุดความพ่ายแพ้ 2 นัดติดหลังบุกมาคว้าสามแต้มทะยานขึ้นไปรั้งอันดับ 4 มี 12 คะแนนเท่ากับ แอสตัน วิลล่า แต่ลูกได้เสียเป็นรองแถมแข่งมากกว่าหนึ่งนัด

    รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

        อาร์เซน่อล (4-3-3) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, คริสเตียน ฟุคส์ – ทิโมธี กาสตานเญ่, ยูริ ตีเลอมันส์, น็อมปาลิส เมนดี้, เจมส์ จัสติน – เจมส์ แมดดิสัน (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.85), เดนนิส ปราต (เจมี่ วาร์ดี้ น.60) – ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (เชนกีซ อุนเดอร์ น.75)

        ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า

        เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, คริสเตียน ฟุคส์ – ทิโมธี กาสตานเญ่, ยูริ ตีเลอมันส์, น็อมปาลิส เมนดี้, เจมส์ จัสติน – เจมส์ แมดดิสัน (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.85), เดนนิส ปราต (เจมี่ วาร์ดี้ น.60) – ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (เชนกีซ อุนเดอร์ น.75)

เลสเตอร์เร่งฟอร์ม! “แมดดิสัน”คุมเกมรออัดซอร์ย่าศึกยูโรปาลีก

"จิ้งจอก" เลสเตอร์ ผลงานในลีกสองเกมหลังจบมือเปล่า เกมนี้ขอเร่งฟอร์มให้ได้ เจมส์ แมดดิสัน อาสาคุมแดนกลางลงสู้ทีมเยือน ซอร์ย่า สโมสรแกร่งจากยูเครน ประเดิมรับสามแต้มแมตช์นี้ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ปรีวิวฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี (นัดแรก)
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
เลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) – ซอร์ย่า (ยูเครน)
เวลา : 02.00 น.
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ของเลสเตอร์ ซิตี้พาทีมลงสนามเกมล่าสุด โดนแอสตัน วิลล่าบุกมาเฉือนชนะไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 1-0 อย่างน่าเสียดาย ทำให้พวกเขาแพ้รวด 2 เกมติด

    ความพร้อมของทีมเวลานี้ ร็อดเจอร์ส ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เจมี่ วาร์ดี้ หอกตัวความหวังของทีม จะยังไม่สามารถลงช่วยทีมในเกมนี้ได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่น่อง คาดว่าจะกลับมาในนัดที่จิ้งจอกจะบุกไปเยือนอาร์เซน่อล ในวันที่ 26 ตุลาคมที่จะถึงนี้

    เช่นเดียวกับ วิลเฟรด เอ็นดิดี้, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, แดเนียล อามาร์ตีย์ และ คักลาร์ โซยุนชู ที่ยังคงไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

    เชื่อว่าเกมนี้ ร็อดเจอร์ส จะมีการปรับเปลี่ยนทัพอยู่พอสมควรเนื่องจากต้องเซฟพวกแกนหลักไว้ใช้ในเกมลีก ที่ต้องเจอไอ้ปืนใหญ่ โดยจะส่งพวกสำรองลงอย่าง  เวส มอร์แกน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน และ เจนกิซ อุนเดอร์

    วิคเตอร์ สคริปนิค เทรเนอร์ของซอร์ย่า พาทีมลงสนามเกมล่าสุด เจ๊ากับ โคลอส 1-1 ทำให้พวกเขาไม่แพ้ใครมา 5 เกมติด

    ขุมกำลังเวลานี้ สคริปนิค จะยังคงไม่ได้ใช้งาน เซาด์รี่ มาคารัดเซ่ ผู้รักษาประตู และ มักซิม คาซาคอฟ กองกลาง ที่มีอาการบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนามในเกมนี้

    ส่วนแข้งแกนหลักรายอื่นๆ ต่างพร้อมกันช่วยทีมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซายยัดมาเนช กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ที่ยืมมาจากเฟเนร์บาห์เช่, มีคีต้า เชฟเชนโก้ นายประตูกัปตันทีม,โจเอล อาบู ฮันน่า, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ และ อังเดรจ์ส ซิกานิคส์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ติโมธี คาสตานเญ่, เวส มอร์แกน, จอนนี่ อีแวนส์, เจมส์ จัสติน – น็อมปาลิส เมนดี้ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน, เจนกิซ อุนเดอร์ – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

    ซอร์ย่า (4-5-1) : มีคีต้า เชฟเชนโก้ – เดนิส ฟาโวรอฟ, วิตาลี่ เวอร์นีดุบ, โจเอล อาบู ฮันน่า, จูนินโญ่ เลโอวิกิโด้ – ลอฟโร่ ซเว็ค, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, เยกอร์ นาซารีน่า, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ, อังเดรจ์ส ซิกานิคส์ – อัลลาห์ยาร์ ซายยัดมาเนช  

ผู้จัดการทีม : วิคเตอร์ สคริปนิค    

ผู้ตัดสิน : สเตฟานี่ ฟรัปปาร์ (ฝรั่งเศส)

โอบาฮีโร่-เลโน่มีเหวอ! อาร์เซน่อลรัว4นาทีสอยราปิดเปิดยูโรปาลีก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล หวิดสิ้นชื่อเกมนี้ เมื่อ แบรนด์ เลโน่ ทำพลาด ก่อนเป็น ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ลงตัวสำรองมากระหน่ำประตูชัยบุกเชือด ราปิด เวียนนา 2-1 คว้าสามแต้มประเดิมบอลยุโรปใบนี้ ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา

สนาม : อัลลิอันซ์ สตาดิโอน

ศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ฟอร์มในลีกล่าสุดแพ้ แมนซิตี้ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใส่ชื่อ "ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง" เป็นสำรอง แดนกลางใช้ "โธมัส ปาร์เตย์" ประเดิมบอลยุโรปนัดแรกกับทีม บุกบ้าน ราปิด เวียนนา รองจ่าฝูงลีกออสเตรีย ของเทรนเนอร์ ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์ จัดผู้เล่นฟูลทัพนำโดยดาวยิงตัวทีเด็ดอย่าง "ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส" พร้อมซัดตาข่ายนำชัย

ปืนใหญ่เกือบนำนาทีที่ 15 เซดริก โซอาเรส เปิดลูกฟรีคิกทางขวาของสนามระยะเกือบ 25 หลา บอลลอยมาในเขตโทษเยื้องมาทางซ้าย ดาวิด ลุยซ์ โถมหัวโขกบอลกระดอนพื้นถูกนายทวารเจ้าบ้านทุบทิ้งออกมาได้

เจ้าบ้านหวิดทำได้นาทีที่ 19 ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส โยกมาทางริมสนามด้านขวาตามดีดคืนให้ เคลวิน อราเซ่ รับบอลจ่ายเรียดเข้ากลางเขตโทษ มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ หัวหอกปรี่มายิงไขว้หลังไปแฉลบตัว กาเบรียล มากัลเญส ลอยเกือบข้ามตัว แบรนด์ เลโน่ ยังดีที่นายด่านทีมเยือนปัดไว้ทัน

ผ่านมานาทีที่ 31 นิโคลัส เปเป้ ลากบอลลุยมาคนเดียวทางขวาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนโชว์ลีลาสับขาโยกหลอกผู้เล่นเจ้าถิ่นตัดเข้าเหลี่ยมปั่นด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งไม่พอออกข้างเสาสองไปไกลพอควร

ราปิดสร้างโอกาสนาทีที่ 36 ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส ลงต่ำมารับบอล เลี้ยงกินระยะมาถึงกลางสนาม 25 หลา ตัดสินใจส่องไกล บอลทิศทางติดไซต์โป้งเล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ แบรนด์ เลโน่ มือกาวปืนโตรับสบาย

เจ้าบ้านบุกอีกนาทีที่ 43 มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ ครอสบอลจากริมเส้นทางซ้าย บอลโค้งมาที่ เออร์คาน คาร่า หันหลังแตะบอลหนี ดาวิด ลุยซ์ พลิกมายิงบอลแต่เลี้ยวมากไปผ่านหน้าปากประตูออกไป จบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ราปิดได้เฮนาทีที่ 51 ดาวิด ลุยซ์ จ่ายบอลเล่นสั้นหน้าเขตโทษ ส่งคืนไปที่ แบรนด์ เลโน่ แปะบอลเบาไปติดตัว เออร์คาน คาร่า ที่ปรี่มาดักบอลเข้าทาง ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส ยิงสวนเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

ปืนใหญ่เกือบแย่หนักนาทีที่ 59 โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ไหลคืนหลังมาที่ แบรนด์ เลโน่ ถูก เออร์คาน คาร่า ตามมากดดัน จนนายทวารปืนใหญ่เตะออกมาไม่ดีเข้าทาง ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส เก็บบอลกระชากมาตรงเส้นเขตโทษ ก่อนซัดบอลติดเซฟมือกาวชาวเยอรมันแก้ตัวได้ดี

ทีมเยือนตีเจ๊านาทีที่ 70 นิโคลัส เปเป้ ทิ้งลูกฟรีคิกทางสนามฝั่งขวาระยะเกือบ 30 หลา บอลโด่งมากลางเขตโทษ ดาวิด ลุยซ์ วิ่งมาโหม่งสวนตัว ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์ มือกาวเจ้าบ้านที่ออกมาไม่เจอบอลตุงตาข่ายไป

และแล้วนาทีที่ 74 โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ แทงบอลกลางสนามทะลุช่องมาให้ เอ็คตอร์ เบเยริน สอดหลุดมาในเขตโทษทางขวาปาดมาหน้าปากประตูไปที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แปเข้าตุงประตูง่ายดาย จบเกม อาร์เซน่อล บุกไล่แซง ราปิด เวียนนา 2-1 คว้าสามแต้มเปิดหัวยูโรปาลีก

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ราปิด เวียนนา (3-4-3): ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์,ฟิลิป สตอยโควิช,มักซิมิเลียน โฮฟมันน์,มาเตโอ บารัช,เคลวิน อราเซ่ (ธอร์สเท่น ชิค น.79),เดยัน ลูบิซิช,เซอร์ดาน กราโฮวัช,มักซิมิเลียน อูลล์มันน์,เออร์คาน คาร่า (โคยะ คิตางาวะ น.76),มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ (คริสโตเฟอร์ คลัสมุนเนอร์ น.88),ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส

อาร์เซน่อล (4-4-2): แบรนด์ เลโน่,เซดริก โซอาเรส (เอ็คตอร์ เบเยริน น.61),ดาวิด ลุยซ์,กาเบรียล มากัลเญส,เซอัด โคลาซินัช,นิโคลัส เปเป้,โธมัส ปาร์เตย์,โมฮาเหม็ด เอลเนนี่,บูกาโย ซาก้า (คีแรน เทียร์นี่ย์ น.84),เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง น.61),อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (โจ วิลล็อค น.84)

ปืนสะดุ้ง!เป๊ปแย้มอเกวโร่ฟิตทันฉะอาร์เซน่อล

แนวรับ อาร์เซน่อล มีหนาว… ล่าสุด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แย้มเอง เซร์คิโอ อเกวโร่ ยอดดาวยิงเลือด "ฟ้า-ขาว" มีแววฟิตทันช่วยทีมในเกมดวลกับ "ไอ้ปืนใหญ่" คืนวันนี้ หลังพักแข้งมานานหลายเดือน
 
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เผยว่า ตนจะรอเช็คความฟิตของ เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าคนสำคัญ อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจว่า จะใส่ชื่อ "เอล กุน" อยู่ในทีมหรือไม่ สำหรับเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดบิ๊กแมตช์ ที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" มีคิวเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม ดวลกับ อาร์เซน่อล คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ 

อเกวโร่ มีปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าและพักแข้งยาวมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ทว่าเจ้าตัวกลับมาร่วมฝึกซ้อมกับทีมได้เป็นสัปดาห์แล้ว และล่าสุด กวาร์ดิโอล่า แย้มว่า มีโอกาสทีเดียวที่ ยอดดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์วัย 32 ปี จะฟิตทันเกมเจอกับ "ไอ้ปืนใหญ่"

"วันพรุ่งนี้ เราจะมีการซ้อมช่วงเช้า และหลังจากนั้นก็จะตัดสินใจได้ว่า เขาฟิตหรือไม่ เขาซ้อมได้ดีมากๆ ตลอดช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ได้เล่นมานาน 3 หรือ 4 เดือนแล้ว ยังไงก็รอดูกันอีกทีแล้วกัน" กุนซือเลือดกระทิงดุวัย 49 ปี กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนเก่ง จะไม่ได้ช่วยทีมแน่นอน หลังได้รับบาดเจ็บระหว่างลงเล่นให้ทีมชาติเบลเยียม เกมเจอกับ อังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตัวเลขช่วยยัน! เมื่อ โอซิล ไม่จำเป็นกับ อาร์เซน่อล อีกต่อไป

ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ เมซุต โอซิล แค่รอนับวันย้ายออกจาก อาร์เซน่อล อย่างเป็นทางการมันก็ไม่ผิดนัก เพราะเขาถึงขั้นไม่ถูกทีมใส่ชื่ออยู่ในขุมกำลังชุดที่จะได้สิทธิ์เล่นทั้งเกมระดับ พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก โดยสาเหตุที่ทำให้เป็นอย่างนั้นมีทั้งการลือว่ามันเป็นเพราะเรื่องผลงานของเขาล้วนๆ และเรื่องการตลาดจากการที่เจ้าตัวเคยด่าประเทศจีนในกรณีที่ปฎิบัติกับชาวอุยกูร์แบบไม่เป็นธรรม
    การที่นักเตะซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับ โอซิล ถูกต้นสังกัดมองข้ามมากถึงขนาดนี้ทำให้หลายคนใจหายไม่น้อย เพราะคงมีไม่กี่คนที่จะเคยคิดว่านักเตะที่เคยได้แชมป์มากมายก่ายกอง รวมถึงรับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของทีมที่ 350,000 ปอนด์ จะไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งเป็นอะไหล่ด้วยซ้ำ

    ถึงกระนั้น ถ้ามองเฉพาะที่เรื่อง "ผลงานส่วนตัว" แล้วนั้น มันปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า โอซิล โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังจนถึงขนาดที่ต่อให้ไม่มีเขาอยู่ในทีมก็อาจจะไม่ได้ส่งผลเสียอะไรเลย

    จากการลงเล่นในลีก 38 นัดในฤดูกาลก่อนของ อาร์เซน่อล นั้น โอซิล ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงไป 18 นัด ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมดใน 10 เกมแรกภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ด้วย ถึงกระนั้น ในช่วงเวลา 18 เกมที่ว่า อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะได้เพียง 27.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    ในทางกลับกัน 20 เกมในลีกของ อาร์เซน่อล เมื่อฤดูกาลก่อนที่ โอซิล ไม่ได้เป็นตัวจริง และไม่ได้ลงเล่นนั้น "ไอ้ปืนใหญ่" สามารถเก็บชัยชนะได้สูงถึง 45 เปอร์เซนต์ ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่าเฉลี่ยการได้แต้มต่อ 1 เกมนั้น อาร์เซน่อล จะได้แต้มมากกว่าเมื่อไร้เงา โอซิล เป็นตัวจริง เพราะพวกเขาทำได้ 1.6 แต้มต่อเกม ขณะที่พอมี โอซิล ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกม พวกเขาเก็บได้ 1.3 คะแนนต่อนัด

    ถ้าจะมีอะไรที่เท่ากันคงเป็นค่าเฉลี่ยจำนวนประตูที่ทำได้ต่อ 1 เกม เพราะไม่ว่าจะทั้งตอนที่ โอซิล ได้เป็นตัวจริง หรือตอนที่ทั้งไม่ได้เป็นตัวจริงกับไม่ได้ลงเล่นนั้น อาร์เซน่อล ก็ทำได้ 1.5 ประตูในลีกต่อเกมเท่ากันเป๊ะ

    นอกจากนี้ ถ้าย้อนกลับไปดูผลงานในช่วงหลายฤดูกาลก่อนแล้วล่ะก็ มันก็จะเห็นได้ชัดว่า โอซิล ฟอร์มดร็อปลงอย่างมากจริงๆ โดยในฤดูกาล 2015-16 เขาโชว์ฟอร์มการเป็นจอมปั้นเกมได้สุดยอดด้วยการทำได้ถึง 19 แอสซิสต์ในลีก จากการลงเล่น 3,047 นาที แถมยังทำได้ 6 ประตูด้วย

    อย่างไรก็ตาม พอถึงซีซั่น 2016-17 ถึงแม้เขาจะทำประตูในลีกได้ 8 ลูก แต่จำนวนการแอสซิสต์ลดฮวบเหลือเพียงแค่ 9 หนเท่านั้น ทั้งที่เขาเล่นในฤดูกาลดังกล่าวไป 2,847 นาที ซึ่งหลังจากนั้นผลงานการแอสซิสต์ของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นเมื่อทำไปแค่ 8 แอสซิสต์ในซีซั่น 2017-18 จากการลงเล่น 2,164 นาที

    ส่วนในฤดูกาล 2018-19 กับ 2019-20 นั้น เขาก็กลายเป็นส่วนเกินของทีมไปแล้วจนทำให้คงไม่จำเป็นต้องนับรวมเพื่อเอามาเปรียบเทียบ แต่ถ้าใครอยากรู้ก็ขอบอกเลยว่าใน 2 ซีซั่นนั้นเขาทำได้ 2 แอสซิสต์เท่ากันจากการลงเล่น 1,741 นาที กับ 1,448 นาที ตามลำดับ

    ตารางเปรียบเทียบผลงานของ อาร์เซน่อล ในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 ระหว่างตอนที่ โอซิล เป็นตัวจริง กับตอนที่ โอซิล ไม่ได้เป็นตัวจริง/ไม่ได้ลงเล่น

      ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเทียบระหว่างดฤดูกาล 2015-16 กับ 2016-17 แล้วล่ะก็ โอซิล ยังมีค่าเฉลี่ยการสร้างโอกาสทำประตูลดฮวบได้ โดยในซีซั่น 2015-16 เขาสร้างโอกาสทำประตูในลีกจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ได้ถึง 4.31 ครั้งต่อเกม แต่ในซีซั่นต่อมาลดเหลือที่ 3.16 ครั้งต่อนัด

    แม้ว่าในฤดูกาล 2017-18 ตัวเลขด้านค่าเฉลี่ยการสร้างโอกาสทำประตูจะดีขึ้นนิดหน่อยจนมาอยู่ที่ 3.49 ครั้งต่อเกม แต่มันก็ยังไม่คู่ควรกับคนที่รับค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์อยู่ดี

    ตัวเลขตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่าต่อให้ อาร์เซน่อล จะไม่มี โอซิล อยู่ในทีม แต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เสียหายร้ายแรงอะไร ถ้าจะมีเรื่องที่น่าเสียดายก็คงจะเป็นการที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องแยกจากกันแบบไม่ดีเท่าไหร่นั่นเอง

    ตารางเปรียบเทียบผลงานของ โอซิล ใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 เป็นต้นมา

ปาร์เตย์นำทัพ! อาร์เซน่อลขอชัยบุกปะทะราปิดเปิดหัวยูโรปาลีก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เกมลีกแพ้มา งานนี้มีภารกิจบอลยุโรปถ้วยเล็ก โธมัส ปาร์เตย์ ลงยืนคุมแดนกลางนำทีมลุยเจ้าบ้าน ราปิด เวียนนา ทีมแกร่งจากออสเตรียที่ฟอร์มเพิ่งดุดัน ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ปรีวิวยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ราปิด เวียนนา (ออสเตรีย )- อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
เวลา : 23.55 น.
สนาม : อัลลิอันซ์ สตาดิโอน

    ราปิด เวียนนา ไล่อัดเวียเนอร์ นอยสตัดท์ 5-1 ในศึกออสเตรีย คัพ ล่าสุด และชนะ 3 นัดติดต่อกัน กุนซือ ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์ ไร้ปัญหารบกวนเพิ่มเติมแม้มีรายงานว่านักเตะ   รายนึงที่ไม่มีการเผยชื่อ ติดโควิดก็ตาม แต่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ 

    ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ต่างพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม นำโดย ฟิลิป สตอยโควิช, มักซิมิเลียน โฮฟมันน์, เซอร์ดาน กราโฮวัช, เดยัน ลูบิซิช, ฟิลิปป์ โชเบสแบร์เกอร์ และ ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส 

อาร์เซน่อล พ่ายแมนฯ ซิตี้ 0-1 ในพรีเมียร์ลีกล่าสุด และเป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 3 เกม กุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ปราศจาก โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส และ เมซุต โอซิล ที่ไม่ได้ใส่ชื่อไว้

    ส่วน โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางตัวใหม่ น่าจะได้ออกสตาร์ต เช่นเดียวกับบรรดาดาวรุ่งอย่าง รีสส์ เนลสัน, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ โจ วิลล็อค ก็น่าจะได้มีส่วนร่วมทั้งหมด
   
11 นักเตะตามคาด   
   
    ราปิด เวียนนา (3-4-3) : ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์ – ฟิลิป สตอยโควิช, มักซิมิเลียน โฮฟมันน์, มาเตโอ บารัช – เคลวิน อราเซ่, เซอร์ดาน กราโฮวัช, เดยัน ลูบิซิช, มักซิมิเลียน อูลล์มันน์ – ฟิลิปป์ โชเบสแบร์เกอร์, เออร์คาน คาร่า, ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส

    เทรนเนอร์ : ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : รูนาร์ รูนาร์สสัน – ดาวิด ลุยซ์, กาเบรียล มากัลเญส, เซอัด โคลาซินัช – เซดริก โซอาเรส, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, โธมัส ปาร์เตย์, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ – โจ วิลล็อค, รีสส์ เนลสัน – เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

    เทรนเนอร์ : มิเกล อาร์เตต้า    

    ผู้ตัดสิน : พาเวล คราโลเว็ช (เช็ก)

ระดับโลกทั้งนั้น! “เดอะ ซัน”จัดทีม11แข้งฟรีเอเยนต์ซัมเมอร์ปีหน้า

อย่างที่รู้ๆ กันว่า ฤดูกาลนี้มีนักเตะชื่อดังหลายคนกำลังอยู่ในสัญญาปีสุดท้ายกับต้นสังกัด ดังนั้นเท่ากับว่า ช่วงซัมเมอร์ปีหน้าเราอาจจะได้เห็นการโยกย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวที่น่าสนใจหลายดีล ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นกับนักเตะระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, ปอล ป็อกบา รวมถึง เซร์คิโอ รามอส ด้วย และล่าสุดทาง เดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษ ก็ได้มีการจัดทีม 11 แข้งดังที่กำลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดหลังจบฤดูกาลนี้
– ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (เอซี มิลาน)

        เชื่อเหลือเกินว่า นี่คือนายทวารที่หลายสโมสรกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ซึ่งมันก็อาจจะถึงเวลาแล้วเช่นกัน ที่เจ้าตัวอาจจะเลือกออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ หลังอยู่เฝ้าเสาให้ "ปีศาจแดง-ดำ" มาตั้งแต่ปี 2015

– แบ็กซ้าย : เอริค การ์เซีย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

         แน่นอนว่า ตำแหน่งถนัดของเขาคือปราการหลังตัวกลาง แต่กับทีมชุดนี้ การ์เซีย จำเป็นต้องถูกจับไปอยู่แบ็กขวา ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า บาร์เซโลน่า หวังกระชากเจ้าตัวออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ กระนั้น บาร์ซ่า ก็คงจะหวังซิว ปราการหลังเลือดกระทิงดุวัย 19 ปี กลับรัง คัมป์ นู แบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า

– เซนเตอร์แบ็ก : เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)

        รามอส อยู่โยงรับใช้ทัพ "ราชันชุดขาว" มาตั้งแต่ปี 2005 แถมประสบความสำเร็จคว้าแชมป์อย่างมากมาย จนกลายเป็นตำนานของสโมสรเรียบร้อย แต่ด้วยสัญญาที่เหลืออีกแค่ปีเดียว บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาฉบับสุดท้ายของ ยอดปราการหลังวัย 34 ปี ในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ก็เป็นได้

– เซนเตอร์แบ็ก : เยโรม บัวเต็ง (บาเยิร์น มิวนิค)

        ปราการหลังดีกรีแชมป์โลกวัย 32 ปี น่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าสนใจในตลาดฟรีเอเจนต์ช่วงหน้าร้อนปีหน้า หลังประสบความสำเร็จจนอิ่ม นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ "เสือใต้" เมื่อปี 2011 กระนั้นเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าตัวเปรยๆ ว่า ไม่ปิดโอกาสเรื่องเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ บาเยิร์น เช่นกัน

– แบ็กซ้าย : ดาวิด อลาบา (บาเยิร์น มิวนิค)

        เป็นอีกหนึ่งแข้งดังจากค่าย "เสือใต้" ซึ่งมีข่าวเกี่ยวโยงกับเรื่องย้ายทีมมาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว และด้วยการที่ อลาบา ไม่มีท่าทีที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัด เชื่อเหลือเกินว่า เขาจะเป็นอีกหนึ่งแข้งฟรีสุดฮอตในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า เพราะกำลังถูกหลายสโมสรระดับท็อปจับตามองอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด

– มิดฟิลด์ : ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

        มีข่าวเกี่ยวโยงกับ เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส เป็นระยะๆ แต่สุดท้าย ป็อกบา ก็ไม่ได้ย้ายไปไหน ซึ่งถึงแม้เจ้าตัวมีออปชั่นขยายสัญญาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ออกไปอีก 12 เดือนหลังจบซีซั่นนี้ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่ สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสวัย 27 ปี อาจจะเลือกมองหาความท้าทายครั้งใหม่อีกรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก "ปีศาจแดง" ยังคงไร้ความสำเร็จในฤดูกาลนี้

– มิดฟิลด์ : จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (ลิเวอร์พูล)

        เป็นหนึ่งในแข้งกำลังสำคัญแดนกลางของ "หงส์แดง" มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสองซีซั่นหลังสุด ที่ช่วยทีมสอยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อด้วย พรีเมียร์ลีก แต่การย้ายเข้ามาของ ติอาโก้ อัลกันตาน่า ทำให้ ไวจ์นัลดุม อาจจะพิจารณาถึงเรื่องอนาคตของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เหลือสัญญาอีกแค่ปีเดียว และแน่นอนว่า ไวจ์นัลดุม คือนักเตะที่กุนซือ โรนัลด์ คูมัน อยากดึงไปร่วมงานด้วยที่ บาร์เซโลน่า

– มิดฟิลด์ : เมซุต โอซิล (อาร์เซน่อล)

        โอซิล ดูเหมือนหมดอนาคตที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มาตั้งนานแล้ว และก็เชื่อกันว่า ตอนนี้ "ไอ้ปืนใหญ่" กำลังหาทางเขี่ยเจ้าตัวออกจากทีมอยู่ เพราะนอกจากไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า แล้ว ยังดูดเงินจากสโมสรสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 14.35 ล้านบาท) อีกด้วย บางที โอซิล อาจจะกลายเป็นแข้งฟรีเอเจนต์โดยที่ไม่ต้องรอจนถึงซัมเมอร์ปีหน้าก็ได้

–  ปีกขวา : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

        ทุกคนทราบดีว่า เมสซี่ เกือบจะชิ่ง บาร์ซ่า ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว แต่สุดท้ายเจ้าตัวจำยอมเลือกอยู่ช่วยทีมต่อ เพราะไม่อยากหักดิบกับต้นสังกัดที่ตัวเองรัก แต่นั่นก็คงเป็นแค่การขยายเวลาย้ายทีมออกไปเท่านั้น เพราะเมื่อสัญญากับ บาร์เซโลน่า หมดอายุลงในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า เมสซี่ ก็คงเลือกที่จะไป และแน่นอนว่า สโมสรเงินถุงเงินถังอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พร้อมเปิดศึกชิงตัวด้วยข้อเสนอเงินค่าจ้างสุดงาม

– ปีกซ้าย : เมมฟิส เดอปาย (โอลิมปิก ลียง)

        เจ้าตัวผิดหวังอย่างมากที่อดย้ายไป บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่มันก็ยังคงมีโอกาสดีอยู่ เพราะปัจจุบันเหลือสัญญากับ ลียง อีกแค่ปีเดียว แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ลียง คงอยากจะทำเงินเข้าสโมสรมากกว่าเสียไปแบบฟรีๆ ด้วยการชิงขายเจ้าตัวให้ บาร์ซ่า ในช่วงตลาดนักเตะรอบสองเดือนมกราคมนี้เลย เพราะใจของ เดอปาย ลอยไปที่ คัมป์ นู ตั้งนานแล้ว

– กองหน้าตัวเป้า : เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

        นี่คือดาวยิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก หลังกระทุ้งประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วถึง 254 ลูก นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อ 9 ปีก่อน และถ้าหากไม่มีการต่อสัญญาเกิดขึ้นภายในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่า "เอล กุน" จะเป็นอีกหนึ่งแข้งฟรีเอเจนต์ที่เนื้อหอมมากๆ ในช่วงหน้าร้อนปีหน้า

    *ทีมฟรีเอเจนต์ชุดสอง* : แจ็ค บัตแลนด์ (สโต๊ค ซิตี้), วิลลี่ โบลี่ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), จอนนี่ อีแวนส์ (เลสเตอร์ ซิตี้), ชโคดราน มุสตาฟี่ (อาร์เซน่อล), มิชาอิล อันโตนิโอ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด), ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), แดนนี่ โรส (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), อังเคล ดิ มาเรีย (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (นาโปลี), ดีเอโก้ คอสต้า (แอตเลติโก มาดริด)

 

อาร์เซน่อลเน้นหนัก! “โอบาเมย็อง-ลากาแซตต์” ประสานโป้งรับเชฟยูที่หวังแต้มแรก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เตรียมจัดทัพหนักนำปิดบัญชีโดย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์ เกมรับ "ดาบคู่" เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่จะมาสู้เพื่อแต้มแรกของซีซั่น ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค. ศกนี้  ถ่ายทอดสด :  True Premier HD1 (เวลา : 20.00 น.)

ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563
อาร์เซน่อล   –   เชฟฯ ยูไนเต็ด
ถ่ายทอดสด
 :  True Premier HD1 (เวลา : 20.00 น.)


สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
    
    อาร์เซน่อลของ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมแพ้เป็นเกมแรกในลีก โดยแพ้ให้กับทางลิเวอร์พูลไป 1-3 แต่พวกเขาก็สามารถไปแก้แค้นใน ลีก คัพ ได้สำเร็จ หลังเอาชนะช่วงต่อเวลายิงลูกโทษไป 5-4 หลังเสมอกับทางหงส์แดงในเวลาไป 0-0 

   สภาพทีมเกมที่จะถึงนี้ ปืนใหญ่จะขาดเพียงแค่ตัวผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บมาอยู่แล้วทั้ง ชโคดราน มุสตาฟี่, ปาโบล มาริ และ คัลลั่ม แชมเบอร์ส ส่วน โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ที่มีอาการบาดเจ็บน่องนั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรอทดสอบความฟิตก่อน ส่วนผู้เล่นตัวหลักคนอื่นๆ นั้นพร้อมที่จะลงสนามในคืนวันพรุ่งนี้แน่นอน

    การจัดทัพ อาร์เซน่อลน่าจะมาในระบบ (3-4-2-1) โดยใช้ แบร์นด์ เลโน่ ยืนเฝ้าเสา แผงหลังสามใช้งานทาง ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์ และ คีแรน เทียร์นี่ย์ วิงแบ็กขวาเป็นทาง เอคตอร์ เบเยริน ส่วนวิแบ็กซ้ายใช้ เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ โดยมี โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ กรานิต ชาคา เป็นตัวคุมเกมแดนกลาง ส่วนสามประสานในแดนหน้าใช้งาน วิลเลี่ยน กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เป็นตัวริมเส้น โดยมี อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ยืนหน้าเป้า

    ด้าน เชฟฯ ยูไนเต็ด ของ คริส ไวล์เดอร์ พาทีมแพ้มา 4 นัดติดต่อกัน โดยเกมล่าสุดพวกเขาพ่ายให้กับทาง ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก

    สภาพทีมเกมนี้ ไวล์เดอร์จะยังใช้งาน รีอาน บรูว์สเตอร์ กองหน้าตัวใหม่ที่ดึงมาจากลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 23.5 ล้านปอนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ทีมจะได้ จอห์น เอแกน กองหลังตัวหลัก พ้นโทษแบนกลับมา แต่ทีมจะยังไม่มีทั้ง แจ็ค โอคอนเนลล์ และ ลีส์ มูสเซ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ 

    การจัดทัพ ทีมดาบคู่น่าจะมาในระบบ 3-5-2 โดยมี อารอน แรมส์เดล ยืนเฝ้าเสา หลังสามใช้งานทาง คริส บาแชม, จอห์น เอแกน และ แจ็ค โรบินสัน วิงแบ็กขวาเป็นทาง จอร์จ บัลด็อค ส่วนวิงแบ็กซ้ายใช้ เอ็นดา สตีเว่นส์  โดยมี จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบิร์ก และ เบน ออสบอร์น เป็น 3 ประสานในเดนกลาง ส่วนคู่หน้าใช้งานทาง โอลิเวอร์ เบิร์ค และ โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่


นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : แบร์นด์ เลโน่ – ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – เอคตอร์ เบเยริน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาคา, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ – วิลเลี่ยน, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์
    ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า

    เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : อารอน แรมส์เดล – คริส บาแชม, จอห์น เอแกน, แจ็ค โรบินสัน – จอร์จ บัลด็อค, จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบิร์ก, เบน ออสบอร์น, เอ็นดา สตีเว่นส์ – โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ร์, โอลิเวอร์ เบิร์ค    
    ผู้จัดการทีม : คริส ไวล์เดอร์  

    ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน 

ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด
วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน

28/06/20    เอฟเอ คัพเชฟฯ ยูไนเต็ด 1 – 2 อาร์เซน่อล
18/01/20    พรีเมียร์ลีกอาร์เซน่อล 1 – 1 เชฟฯ ยูไนเต็ด
22/10/19    พรีเมียร์ลีกเชฟฯ ยูไนเต็ด 1 – 0 อาร์เซน่อล
24/09/08    ลีก คัพอาร์เซน่อล 6 – 0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
01/11/07    ลีก คัพเชฟฯ ยูไนเต็ด 0 – 3 อาร์เซน่อล


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
อาร์เซน่อล 

01/10/20 เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (เยือน) ลีก คัพ
28/09/20 แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/09/20 ชนะ เลสเตอร์ 2-0 (เยือน) ลีก คัพ 
20/09/20 ชนะ เวสต์แฮม 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
12/09/20 ชนะ ฟูแล่ม 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก 

เชฟฯ ยูไนเต็ด
27/09/20 แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
22/09/20 แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
17/09/20 เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1 (เยือน) ลีก คัพ 
15/09/20 แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
04/09/20 เสมอ เปรสตัน 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร