ฮามันน์จวกดอร์ทมุนด์ยังให้รอยส์เป็นกัปตันทีม

ดีทมาร์ ฮามันน์ ระบุ ดอร์ทมุนด์ ทำพลาดมหันต์ที่ยังให้ มาร์โก รอยส์ เป็นกัปตันทีมอยู่ พร้อมบอกว่า "เสือเหลือง" เวลาไร้เงาของ รอยส์ มักจะเล่นได้ดีสุดๆ ด้วย

ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตยอดกองกลางชาวเยอรมัน ตำหนิ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ว่าตัดสินใจพลาดที่ยังให้ มาร์โก รอยส์ ดาวเตะคนดังเป็นกัปตันทีมมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะส่วนตัวแล้วมองว่าแข้งรายดังกล่าวไม่คู่ควรกับการสวมปลอกแขนเลย

รอยส์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2018 แต่ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ นั้น เจ้าตัวมักจะโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอยู่เรื่อยๆ โดยในช่วง 4 ฤดูกาลก่อนหน้านี้นั้น มีเพียงซีซั่นเดียวที่เขาได้ลงเล่นในลีกอย่างน้อย 20 เกม

พอโดนถามว่า ดอร์ทมุนด์ จำเป็นต้องมีอะไรเพื่อที่จะกลับไปเป็นหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปได้นั้น ฮามันน์ ก็ตอบว่า "พวกเขาต้องมีผู้นำที่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง คุณจะมีกัปตันทีมที่ได้ลงเล่นแค่ครึ่งเดียวของทั้งฤดูกาลไม่ได้หรอก ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ปลดเขาออกจากการเป็นกัปตันทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ที่จริงผมสงสัยด้วยซ้ำว่าเขาควรจะเป็นกัปตันทีมตั้งแต่ 2 ปีก่อนรึเปล่า คุณจำเป็นต้องมีคนที่จะฉุดกระชากทีมไปข้างหน้ามาเป็นกัปตันทีม"

อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค เสริมว่า ดอร์ทมุนด์ มักจะทำผลงานได้ดีกว่าด้วยซ้ำหากไม่มี รอยส์ ลงเล่นเป็นตัวจริง อย่างเช่นนัดล่าสุดที่ชนะ ชาลเก้ 3-0 ในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นรูห์ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเกมดังกล่าว รอยส์ โดนเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วง 13 นาทีสุดท้าย "เบเฟาเบ มักจะเจอปัญหาจากเขาเวลาที่เขาไม่ได้เป็นตัวจริงพักใหญ่ แต่คุณไม่ควรจะตัดสินใจจัดทีมเพียงเพื่อทำให้นักเตะรู้สึกดีหรือเพื่อไม่ทำให้เขารู้สึกโมโห คุณต้องทำสิ่งที่จะเป็นผลดีที่สุดต่อทีมและต่อสโมสร"

"ดอร์ทมุนด์ ในตอนนี้จะเล่นได้ดีกว่าเมื่อไม่มี รอยส์ อยู่ในสนาม ตอนที่ไม่มีเขาน่ะ (โจวานนี่) เรย์น่า ดูดีเลย ขณะที่ (เออร์ลิง เบราต์) ฮาแลนด์ ก็มีสภาพที่ยอดเยี่ยมมากๆ ส่วน (ยูเลี่ยน) บรันด์ท ก็เล่นได้ดี แถมพวกเขายังมี (เจดอน) ซานโช่ ที่ถือว่าโดดเด่นสุดๆ อีกต่างหาก"

เลสเตอร์เร่งฟอร์ม! “แมดดิสัน”คุมเกมรออัดซอร์ย่าศึกยูโรปาลีก

"จิ้งจอก" เลสเตอร์ ผลงานในลีกสองเกมหลังจบมือเปล่า เกมนี้ขอเร่งฟอร์มให้ได้ เจมส์ แมดดิสัน อาสาคุมแดนกลางลงสู้ทีมเยือน ซอร์ย่า สโมสรแกร่งจากยูเครน ประเดิมรับสามแต้มแมตช์นี้ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ปรีวิวฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี (นัดแรก)
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
เลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) – ซอร์ย่า (ยูเครน)
เวลา : 02.00 น.
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ของเลสเตอร์ ซิตี้พาทีมลงสนามเกมล่าสุด โดนแอสตัน วิลล่าบุกมาเฉือนชนะไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 1-0 อย่างน่าเสียดาย ทำให้พวกเขาแพ้รวด 2 เกมติด

    ความพร้อมของทีมเวลานี้ ร็อดเจอร์ส ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เจมี่ วาร์ดี้ หอกตัวความหวังของทีม จะยังไม่สามารถลงช่วยทีมในเกมนี้ได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่น่อง คาดว่าจะกลับมาในนัดที่จิ้งจอกจะบุกไปเยือนอาร์เซน่อล ในวันที่ 26 ตุลาคมที่จะถึงนี้

    เช่นเดียวกับ วิลเฟรด เอ็นดิดี้, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, แดเนียล อามาร์ตีย์ และ คักลาร์ โซยุนชู ที่ยังคงไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

    เชื่อว่าเกมนี้ ร็อดเจอร์ส จะมีการปรับเปลี่ยนทัพอยู่พอสมควรเนื่องจากต้องเซฟพวกแกนหลักไว้ใช้ในเกมลีก ที่ต้องเจอไอ้ปืนใหญ่ โดยจะส่งพวกสำรองลงอย่าง  เวส มอร์แกน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน และ เจนกิซ อุนเดอร์

    วิคเตอร์ สคริปนิค เทรเนอร์ของซอร์ย่า พาทีมลงสนามเกมล่าสุด เจ๊ากับ โคลอส 1-1 ทำให้พวกเขาไม่แพ้ใครมา 5 เกมติด

    ขุมกำลังเวลานี้ สคริปนิค จะยังคงไม่ได้ใช้งาน เซาด์รี่ มาคารัดเซ่ ผู้รักษาประตู และ มักซิม คาซาคอฟ กองกลาง ที่มีอาการบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนามในเกมนี้

    ส่วนแข้งแกนหลักรายอื่นๆ ต่างพร้อมกันช่วยทีมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซายยัดมาเนช กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ที่ยืมมาจากเฟเนร์บาห์เช่, มีคีต้า เชฟเชนโก้ นายประตูกัปตันทีม,โจเอล อาบู ฮันน่า, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ และ อังเดรจ์ส ซิกานิคส์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    เลสเตอร์ (4-1-4-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ติโมธี คาสตานเญ่, เวส มอร์แกน, จอนนี่ อีแวนส์, เจมส์ จัสติน – น็อมปาลิส เมนดี้ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาด์รี่, เจมส์ แมดดิสัน, เจนกิซ อุนเดอร์ – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

    ซอร์ย่า (4-5-1) : มีคีต้า เชฟเชนโก้ – เดนิส ฟาโวรอฟ, วิตาลี่ เวอร์นีดุบ, โจเอล อาบู ฮันน่า, จูนินโญ่ เลโอวิกิโด้ – ลอฟโร่ ซเว็ค, วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน, เยกอร์ นาซารีน่า, วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ, อังเดรจ์ส ซิกานิคส์ – อัลลาห์ยาร์ ซายยัดมาเนช  

ผู้จัดการทีม : วิคเตอร์ สคริปนิค    

ผู้ตัดสิน : สเตฟานี่ ฟรัปปาร์ (ฝรั่งเศส)

เลวาน-มุลเลอร์เบิ้ลคู่! บาเยิร์นไม่ล้าถล่มบีเลเฟลด์นั่งรองฝูง

"เลวานดอฟสกี้-มุลเลอร์" กดคนละสองเม็ดนำทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่เหลือ 10 คนถล่มน้องใหม่ บีเลเฟลด์ 4-1 กำสามแต้มกลับออกไปพร้อมขยับอันดับรองจ่าฝูง ในการแข่งขันศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
สนาม : ชูโก้ อารีน่า

     ศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เพิ่งจบภารกิจในบอลเดเอฟเบ โพคาล มาลงลุยเกมลีกต่อเนื่อง ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์คนเก่งใส่ผู้เล่นครบชุดจากเมื่อนัดยอลถ้วย "เลวานดอฟสกี้-มุลเลอร์"พร้อมขับเคลื่อนทีมสู่ชัยชนะบุกบ้านน้องใหม่ บีเลเฟลด์ ของกุนซือ อูเว่ นอยเฮาส์ ที่ฟอร์มยังไม่แน่นอน ล่าสุดแพ้มา จัดดาวเตะคนสำคัญอย่าง "ฟาเบียน โคลส" ลงสู้เพื่อคะแนน

     เริ่มมาถึงนาทีที่ 8 โธมัส มุลเลอร์ คว้าโอกาสพังสกอรืหนแรกของทีมสำเร็จ หลังศูนย์หน้าอินทรีเหล็กกระทุ้งบอลกลางเขตโทษ ส่งบอลเข้าตาข่ายให้ทีมขึ้นนำแย่างรวดเร็ว

     พี่เสือทิ้งห่างนาทีที่ 26 เลออน โกเร็ทซ์ก้า เลี้ยงบอลจากริมเส้นทางซ้าย จ่ายปาดเรียดมาตรงวงกลมหน้ากรอบเขตโทษ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จับหนึ่งครั้งแล้วซัดบอลพุ่งเสียบตาข่ายไป

     ถัดมานาทีที่ 31 ฟาเบียน โคลส แนวรุกบีเลเฟลด์ วิ่งตามบอลโด่งจากแดนตนเองหลุดเข้าไปในเขตโทษ ได้โอกาสซัดบอลแต่ยังถูก มานูเอล นอยเออร์ นายทวารบาเยิร์นออกมาขวางบอลรับไว้ได้

     เจ้าถิ่นพยายามสู้นาทีที่ 33 ริคสึ โดอัน มิดฟิลด์ปลาดิบลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวเข้าหากรอบประตู แต่ยังเป็นงานง่านสำหรับนายด่นเสือใต้ ทิ้งตัวรับอยู่มือ 

     ทีมเยือนำสบายนาทีที่ 45+1 โธมัส มุลเลอร์ ลากบอลมาในเขตโทษ เกี่ยวแต่งเข้าเหลี่ยมเท้าขวาไหลต่อให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยืนรออยู่ใกล้จับแล้วยิงไปติดตัวผู้เล่นเจ้าบ้านแฉลบเข้าประตูไปอีกเม็ด จบครึ่งแรก บาเยิร์น ทิ้งห่าง 3-0

     เสือใต้เฮอีกนาทีที่ 51 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โยกมารับบอลทางริมเส้นด้านขวา ลองโยนโค้งเข้าเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ ปรี่มาจิ้มบอลจังหวะเดียวเช็คใต้คาน ชนิดที่นายทวารเจ้าบ้านหมดสิทธิ์ป้องกัน

     บีเลเฟลด์ตีไข่แตกนาทีที่ 59 ฟาเบียน โคลส ได้บอลจ่ายยาวจากแดนตนเอง เลี้ยงต่อมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ส่งต่อให้ ริคสึ โดอัน ที่วิ่งเติมมาโล่งคนเดียวจับบอลทางเขตโทษด้านขวา ซัดบอลพุ่งผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ อย่างแม่นยำ

     แต่แล้วนาทีที่ 76 โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ปรี่ไล่กวดหัวหอกเจ้าถิ่น ฟาเบียน โคลส หลังเพื่อนจ่ายคืนหลังไม่ดี ทว่ากองกลางเสือใต้ไปสไลด์ใส่คู่แข่งหัวคะม่ำ กรรมการเห็นเป็นผู้เล่นคนสุดท้าย ชูใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนจบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกชนะ บีเลเฟลด์ 4-1 ขยับอันดับขึ้นรองฝูง

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

บีเลเฟลด์ (4-3-3): สเตฟาน ออร์เตก้า,นาธาน เด เมดิน่า (ไบรอัน แบห์เรนด์ น.83),อาโมส พีเพอร์,มิเค่ ฟาน เดอร์ ฮอร์น,อันเดอร์ลสัน ลูโคกี,ฟาเบียน คุนเซ่ (สเวน ชิปปล็อค น.70),มานูเอล พรีเตล,มาร์เชล ฮาร์เพิ่ล (โยอัน ซิมุน เอ็ดมุนด์สสัน น.90),คริสเตียน เกบาเออร์ (ไรน์โฮลด์ ยาโบ น.70),ฟาเบียน โคลส,ริคสึ โดอัน (นิลส์ ซูเฟิร์ท น.90)

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-1-3): มานูเอล นอยเออร์,เบนฌาแม็ง ปาวาร์,นิคลาส ซือเล่,ดาวิด อลาบา,ลูกัส แอร์กน็องเดซ (อัลฟอนเซ่ เดวิส น.90),โกร็องแต็ง โตลิสโซ่,เลออน โกเร็ทซ์ก้า (ฆาบี มาร์ติเนซ น.65),โธมัส มุลเลอร์,แซร์จ นาบรี้ (ดั๊กลสา คอสต้า น.65),โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (มักซิม ชูโป-โมติง น.86),คิงส์เล่ย์ โกมัน (จามาล มูเซียลา น.86)

ตามพี่โด้!ยูเวนตุสยัน “แม็คเคนนี่” ติดโควิด-19

ยูเวนตุส แถลงสถานการณ์โควิดล่าสุด โดย เวสตัน แม็คเคนนี่ มิดฟิลด์เลือดมะกัน มีผลตรวจเป็นบวกจากการติดเชื้อไวรัสมรณะ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ 24 ชั่วโมงหลังจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ติดเชื้อตัวนี้

ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แถลงการณ์ยืนยัน เวสตัน แม็คเคนนี่ กองกลางชาวอเมริกัน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากผลการตรวจเป็นบวก โดยกลายเป็นนักเตะรายล่าสุดต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง ที่ติดเชื้อไวรัสมรณะ

ดาวเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งย้ายจาก ชาลเก้ 04 มาเล่นกับทัพ "ม้าลาย" เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสดังกล่าว เพียงแค่ 24 ชั่วโมงหลังจากที่ โรนัลโด้ ถูกระบุว่าติดโควิด  ทำให้ตอนนี้นักเตะต้องเข้ารับการกักตัวทันที และหมดสิทธิ์ลงเล่นเกมสุดท้ายพบ โครโตเน่ 
แถลงการณ์ของ "เบียงโคเนรี่" ระบุว่า "สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ประกาศว่าในช่วงระหว่างที่มีการตรวจหาเชื้อตามมาตรการเฝ้าระวัง นักเตะของเรา เวสตัน แม็คเคนนี่ มีผลการตรวจเป็นบวกจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับการปฏิบัติตามกฎข้อบังครับ และมาตรการเฝ้าระวัง ทีมจะเข้าสู่การกักตัวในเย็นวันนี้ (วันพุธที่ 14 ต.ค.) ทันที"
"สำหรับในกระบวนการนี้จะอนุญาตให้ทุกๆ คนที่มีผลการตรวจเป็นลบสามารถที่จะลงฝึกซ้อมได้ตามปกติ และทำกิจกรรมทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแข่งขันได้ แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการติดต่อกับบุคคลภายนอกกลุ่ม โดยสโมสรจะทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอย่างต่อเนื่อง" แถลงการณ์ฉบับเดิม ระบุ

 

เดเคอาเซฟยับ-เตลลิสเดบิวต์เยี่ยม! ตัดเกรดแข้งแมนยูบุกสยบเปแอสเช

นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างงัดฟอร์มเก่งกันมาเป็นเหตุผลให้พวกเขาบุกเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม่ง ประเดิมสามแต้มอย่างสวยงามในศึก ยูฟ่า แชมปี้ยนส์ ลีก โดยเกมนี้ต้องชมแท็คติกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่จัดระเบียบเกมรับกันแน่นหนาและนักเตะก็ตอบสนองแผนของโค้ชเป็นอย่างดี แต่ใครเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ของเกมนี้ เราไปหาคำตอบกัน
ดาบิด เด เคอา 9

    ท็อปฟอร์มสุดๆ เซฟลูกยิงของ อังเคล ดิ มาเรีย และลูกชาร์จจ่อๆของ คูร์ซาว่า ในครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังประตูที่เสียโทษเข้าไม่ได้ แต่มีซูเปอร์เซฟลูกยิงของ เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ ด้วย

อารอน วาน-บิสซาก้า 7

    เจอปัญหาในการรับมือ เอ็มบั๊ปเป้ อยู่บ้าง แต่เป็นเกมที่เขาเข้าสไลด์แท็กเกิ้ลสวยงามหลายครั้ง (แท็กเกิ้ลทั้งหมด 6 ครั้งมากที่สุดในทีม) ยังมีบล็อกลูกยิงสำคัญของ เอ็มบั๊ปเป้ ในครึ่งหลังด้วย

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ 8

    กลับมาลงสนามในรอบ 10 เดือน แต่ฟอร์มยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เกมรับแน่นหนา เคลียร์บอลถึง 7 ครั้ง มีจังหวะวิ่งเบียดเอาชนะ เอ็มบั๊ปเป้ ที่หลุดเดี่ยวได้ถึงสองครั้ง

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ 7

    ไม่ได้โดดเด่นเหมือน ตวนเซเบ้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในเกมรับ ยืนตำแหน่งดีทำให้เคลียร์บอลได้ดี การเปลี่ยนระบบมาใช้กองหลัง 3 คนทำให้เขาเล่นง่ายมากขึ้น

ลุค ชอว์ 6.5

    ขยับมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ก อาจจะมีจ่ายบอลพลาดบ้างและหลุดตำแหน่งเป็นบางครั้ง แต่ถือว่ามีฟอร์มน่าประทับใจแบบเงียบๆ ลูกจ่ายของเขาทำให้ มาร์กซิยาล เรียกจุดโทษได้สำเร็จ

อเล็กซ์ เตลลิส 7

    ประเดิมสนามนัดแรกด้วยฟอร์มดูดีทีเดียว ลงมาช่วยเกมรับอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือการเล่นเกมรุกโดยเฉพาะลูกครอสที่สร้างปัญหาให้แนวรับเปแอสเช ลูกเปิดเตะมุมของเขาได้ลุ้นอยู่ตลอด จ่ายคีย์พาสไปถึง 3 ครั้งมากที่สุดในครึ่งแรก

เฟร็ด 7.5

    แค่สถิติแท็กเกิ้ล 5 ครั้ง, ตัดบอลอีก 3 ครั้ง และเคลียร์บอลอีก 1 ครั้ง ก็ทำให้รู้แล้วว่าเขามีส่วนสำคัญกับเกมแดนกลางมากแค่ไหน พยายามแย่งบอลและเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกตลอด การเล่นง่ายของเขาทำให้กองกลางประสานงานกันเยี่ยม

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 7

    ช่วงแรกๆ มีปัญหากับการรับมือสกิลของ เนย์มาร์ แต่พอจับจังหวะเกมได้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะเรื่องเกมรับ เคลียร์บอลไปถึง 4 ครั้งและแท็กเกิ้ลอีก 3 ครั้ง

บรูโน่ แฟร์นันด์ส 7.5

    ยิงจุดโทษรอบแรกติดเซฟแต่โชคดีที่ได้ยิงจุดโทษรอบสอง ลูกยิงไกลจากแถวสองมีได้ลุ้นอยู่ครั้งหนึ่งแต่มีหลายรอบที่หลุดเป้าไปไกล การจ่ายบอลของเขายังพึ่งได้เสมอ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 2 ครั้ง

มาร์คัส แรชฟอร์ด 7

    การเคลื่อนที่ของเขาสร้างอันตรายมากมายให้กับแนวรับคู่แข่ง แต่ปัญหายังคงเป็นเรื่องการจบสกอร์และการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายเพราะหลุดเดี่ยวไปหลายรอบแต่ปล่อยโอกาสหลุดลอย มีโอกาสยิงอยู่ 4 ครั้ง มาสัมฤทธิ์ผลในครั้งสุดท้าย

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล 5

    เป็นคนเรียจุดโทษแต่ดันมาทำเข้าประตูตัวเอง ฟอร์มโดยรวมยังไม่ดีนัก พยายามเลี้ยงจี้เจาะแผงหลังคู่แข่งแต่ทำไม่ได้สักที

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ปอล ป็อกบา 7 (ลงมาแทน อเล็กซ์ เตลลิส น.67)

    ลงมาเก็บบอลแถวสองได้ดีก่อนจะแอสซิสต์ประตูชัย

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค – (ลงมาแทน บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

แดเนี่ยล เจมส์  – (ลงมาแทน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

 

เลสเตอร์ดุดัน! เรียงหน้าซัดซอร์ย่าเริ่มต้นยูโรปาลีกสุดแจ่ม

"จิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ คือฟอร์มดุอีกครั้ง ไล่ยำ ซอร์ย่า ลูแฮงค์ สโมสรแกร่งจากยูเครน ไปราบคาบ 3-0 กำสามคะแนนประเดิมทัวร์นาเมนต์นี้สวยงาม ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

     ศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา "จิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ เกมลีกสองนัดหลังสุดไม่มีแต้มติดมือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเจ้าบ้านเร้าลูกทีมคือฟอร์มเก่งใหได้ ยังขาด เจมี่ วาร์ดี้ ที่บาดเจ็บอยู่จำเป็นต้องส่ง "เคเลชี่ อิเฮียนาโช่" ยืนหน้าทะลงสกอร์ทีมเยือน ซอร์ย่า ลูแฮงค์ สโมสรแกร่งจากยูเครน วิคเตอร์ สคริปนิค โค้ชของทีมส่งดาวเตะชุดใหญ่ มีความหวังอยู่ที่ศูนย์หน้า "วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ" โดยแมตช์นี้มีกรรมการเป็นสุภาพสตรีลงทำหน้าที่ตัดสินเกม

     ผ่านมาถึงนาทีที่ 22 เจมส์ แมดดิสัน วิ่งมารับบอลจ่ายจากเพื่อนหลุดเข้าไปในเขตโทษทางซ้าย ก่อนชิพบอลข้ามตัวนายทวารทีมเยือน ทว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของเจ้าตัวก่อนแล้ว

     จิ้งจอกออกนำนาทีที่ 29 เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ถอยต่ำมารับบอลกลางสนาม จ่ายออกข้างทางซ้ายไปที่ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ลากอบลมาปั่นไปชนเสาสองด้านเขากระดอนมาหน้าปากประตู เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ พยายามจะยิงซ้ำแต่บอลกลิ้งไปถูกแนวรับทีมเยือนมาหา เจมส์ แมดดิสัน จิ้มเข้าไปตุงตาข่าย

     เจ้าบ้านรุกหนักนาทีที่ 33 ยูริ ตีเลมันส์ แทงบอลออกมาให้ ติโมธี คาสตานเญ่ ที่เติมขึ้นมาทางขวาคนเดียวไร้ตัวประกบ วางบอลย้อยเข้าเขตโทษด้านซ้าย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ตั้งศีรษะโหม่งบอลแต่บังคับทิศทางไม่ได้ออกหลังไป

     ต่อมานาทีที่ 37 เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ลงมาเก็บบอล ก่อนส่งเร็วให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เลี้ยงหนีผู้เล่นซอร์ย่าเข้าในเขตโทษ บรรจงยิงหักข้อแต่ว่า มีคีต้า เชฟเชนโก้ นายด่านทีมเยือนพุ่งปัดก่อนตามตะครุบไว้ได้

     เดอะฟ็อกซ์เล่นสบายนาทีที่ 45 คริสเตียน ฟลุคส์ ดันขึ้นสูงมาส่งบอลมากลางสนามให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ใช้ตัวบังก่อนเขี่ยต่อไปที่ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ปรี่มารับกระชากหลุดแผงแนวรับทีมเยือน เข้าไปโยกหลอกนิดนึงก่อนดีดข้ามตัวนายทวารคู่แข่ง จบครึ่งแรก เลสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่าง 2-0

     ยังเป็นเจ้าถิ่นลุยนาทีที่ 49 เจมส์ แมดดิสัน ยกบอลกลางสนามทิ้งมาที่ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ลากบอลลุยเข้ามาทางเขตโทษด้านซ้ายตบย้อนมาที่ เจมส์ แมดดิสัน โยกจังหวะหลอกหนึ่งหนยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลไปติดบล็อก วิตาลี่ เวอร์นีดุบ กองหลังทีมเยือนออกหลัง

     ถัดมานาทีที่ 56 เจมส์ แมดดิสัน ครอสลูกเตะมุมทางขวา มาเขตโทษประมาณ 8 หลา เวสลี่ย์ โฟโฟน่า สบโอกาสโขกบอลเต็มแรงแต่ว่าบอลกระเด้งออกข้างเสาสองทางซ้ายกลิ้งออกหลังแทน

     จิ้งจอกแทบปิดเกมนาทีที่ 65 ดมิโทร อิวานิเซเนีย กองกลางซอร์ย่า ลงไปช่วยเกมรับทว่าเจ้าตัวจ่ายย้อนให้เพื่อนแนวรับไปเข้าทาง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ จับบอลพลิกตัวซัดในเขตโทษส่งบอลเข้าประตูไปอีกลูก จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ซอร์ย่า ลูแฮงค์ 3-0 เก็บชัยชนะนัดเปิดยูโรปาลีก

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เลสเตอร์ ซิตี้ (4-1-4-1): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล,ติโมธี คาสตานเญ่ (เจมส์ จัสติน น.82),เวสลี่ย์ โฟโฟน่า,จอนนี่ อีแวนส์ (เวส มอร์แกน น.82),คริสเตียน ฟลุคส์,น็อมปาลิส เมนดี้,เจมส์ แมดดิสัน (เจนกิซ อุนเดอร์ น.65),ยูริ ตีเลมันส์ (อโยเซ่ เปเรซ น.71),เดนนิส ปราต์,ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์,เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (ฮัมซ่า เชาด์รี่ น.71)

ซอร์ย่า ลูแฮงค์ (4-3-3): มีคีต้า เชฟเชนโก้,เดนิส ฟาโวรอฟ (อากรอน รูฟาติ น.76),วิตาลี่ เวอร์นีดุบ,ลอฟโร่ ซเว็ค,ดมิโทร คอมเชนโนฟสยี่ (อังเครย์ส ซิกานิคส์ น.76),เยกอร์ นาซารีน่า,ดมิโทร อิวานิเซเนีย,วลาดิสลาฟ โคเชอร์กิน (เซอร์ฮี ฮาริน น.85),มัคซิม ลุนยอฟ (โอเล็คซานเดอร์ ฮลาดกี้ย์ น.65),วลาดเลน ยูร์เชนโก้,วลาดิสลาฟ คาบาเยฟ (มิไฮโล เปโรวิซ น.65)

เปิดโผทีมยอดแย่พรีเมียร์ลีก นัดที่ 5

ทีมยอดแย่พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ที่ 5 จะมีใครบ้าง ทีมงาน Siamsport จัดให้แฟนๆ ได้ชมกัน ไปดูได้เลย

ผู้รักษาประตู : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี)

แม้จะมีช็อตเซฟในช่วงท้ายเกม แต่จังหวะเสียประตูที่เกิดจากความผิดพลาด(อีกแล้ว) นับเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น

กองหลัง : โจเอล วอร์ด (คริสตัล พาเลซ)

จริงๆ ทำหน้าที่ได้ตามมาตรฐานเกือบตลอดทั้งเกม แต่มาสกัดบอลไม่ดีในช่วงท้ายจนทำให้ พาเลซ เสียประตูตีเสมอ อดคว้า 3 แต้มเหนือ ไบรท์ตัน ในบ้านตัวเอง

กองหลัง : ดาวินซอน ซานเชซ (สเปอร์ส)

เป็นเกมที่ไม่น่าจดจำสำหรับปราการหลังทีมชาติโคลอมเบีย เพราะนอกจากคุมแนวรับหลวมแล้ว ยังโหม่งเข้าประตูตัวเอง พร้อมเป็นการจุดประกายความหวังให้กับทีมเยือนด้วย

กองหลัง : ลูอิส ดังค์ (ไบรท์ตัน)

ตลอดทั้งเกมไม่ต้องรับภาระหนักมากกับการเจอแนวรุกของ พาเลซ แต่ในช่วงท้ายเกม เจ้าตัวไปเล่นอันตรายใส่คู่แข่งแบบรุนแรง จึงทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม

กองหลัง : เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ (นิวคาสเซิล)

โดนแนวรุก แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นงานในช่วงท้ายจนทีมเสียถึง 3 ประตู

กองหลัง : เอคตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล)

ยืนตำแหน่งผิดพลาด และควรที่จะเคลียร์บอลทิ้งได้ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำประตู

กองกลาง : ยูรี่ ตีเลอมันส์ (เลสเตอร์)

เรื่องเกมรับยังคงไว้ใจได้ แต่โดยภาพรวมถือว่าแข้งเบลเจี้ยนต่ำกว่ามาตรฐานไปเยอะ คุมเกมไม่ได้เหมือนอย่างที่เคยเป็น

กองกลาง : อัลลัน (เอฟเวอร์ตัน)

โดนแผงมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล กดดัน และต้องใช้เกมหนักเข้าหยุดคู่แข่ง ก่อนมาโดนใบเหลืองช่วงท้ายเกม
   
กองกลาง : ริชาร์ลิซอน (เอฟเวอร์ตัน)

มีโอกาสทำประตูแต่โชคร้ายบอลไปชนเสา ก่อนมาโดนไล่ออกช่วงท้ายเกม หลังไปสกัดเข้าใส่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า อย่างรุนแรง

กองหน้า : เคลิชี่  อิเฮียนาโช่ (เลสเตอร์)

แม้ครึ่งแรกจะเก็บบอลได้ดี และจ่ายบอลสวยๆ หลายครั้ง แต่ในครึ่งหลังกลับคนละเรื่อง ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมเลย

กองหน้า : แพทริค แบมฟอร์ด (ลีดส์)

ไม่ได้สร้างความอันตรายให้แก่แนวรับ วูล์ฟส์ ได้เลย มีโอกาสส่องประตู 3 ครั้งแต่พลาดเป้าไปหมด

แมนยูไร้แม็กไกวร์-คาวานี่! ประเดิม “เตลลิส”, ปารีสฯมี “เนย์มาร์” นำซัดศึกชปล.

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดว่าจะส่ง อเล็กซ์ เตลลิส ลงประเดิมตัวจริง ขณะที่ เอดิสัน คาวานี่ และแฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไร้ชื่อเดินทางไปเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่มี เนย์มาร์ และคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เป็นทีเด็ด ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช) วันอังคารที่ 20 ต.ค. ศกนี้ เวลา : 02.00 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช)
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2563 (เวลา : 02.00 น.)
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)   –   แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)


สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง :

     โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน วัย 47 ปี ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นำสโมสรรั้งรองจ่าฝูงลีก เอิง ฝรั่งเศส เวลานี้ โดยเก็บไปแล้ว 15 คะแนน จากผลงานชนะ 5 แพ้ 2 นัด ยิง 16 เสีย 3 ประตู ตามหลัง ลีลล์ ทีมจ่าฝูง 2 คะแนน 

 ผลงานล่าสุด เปแอสเชบุกไปต้อน นีมส์ โอลิมปิก 4-0 ที่ สต๊าด เดส์ กอสติแยร์ ในลีก เอิง นัดที่ 7 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม ซึ่งทีมชนะ 5 นัดซ้อน ในลีก เอิง ทว่านัดนี้ทีมเสีย เลอันโดร ปาเรเดส กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินา บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 11 และ อันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์สเปนได้ลงเล่นแทน นอกจากนี้ทีมยังไม่มี ฆวน เบอร์นาต แบ็กซ้ายทีมชาติสเปน ที่บาดเจ็บเอ็นหัวเข่าซ้าย เข้ารับการผ่าตัดไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้าวันอังคารที่ 29 กันยายน ที่โรงพยาบาลปิติเย่ ซัลเปตริแยร์ และจะพักรักษาตัวนานหลายเดือน

     ขณะที่ มาร์โก แวร์รัตติ กองกลางทีมชาติอิตาลี บาดเจ็บ, ธีโล เคห์เรอร์ กองหลังทีมชาติเยอรมัน บาดเจ็บโคนขาหนีบ ในรายของ มาร์กินญอส เซนเตอร์แบ็กทีมชาติบราซิล กัปตันทีม พ้นโทษแบน 1 นัด ในลีก เอิง และเขาหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย กลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว 

    ส่วน อังเคล ดิ มาเรีย ปีกชาวอาร์เจนไตน์ กับ เลย์วิน กูร์กซาว่า แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส ต่างพ้นโทษแบนในลีก เอิง กลับมา และ เนย์มาร์ ดาวยิงทีมชาติบราซิล กลับมาฝึกซ้อมที่ก็องป์ เดส์ ลอชส์ ศูนย์ฝึกซ้อมของสโมสร ซึ่งเขาพร้อมที่จะลงสนาม หลังจากไม่ได้เล่นในนัดชนะนีมส์

    ทางด้าน ดานิโล่ เปเรยร่า กองกลางตัวรับทีมชาติโปรตุเกส วัย 29 ปี สมาชิกใหม่ของปารีส ที่ย้ายมาจากเอฟซี ปอร์โต้ ทีมชั้นนำของโปรตุเกส ในการเซ็นสัญญา ยืมตัว 1 ปี พร้อมมีออปชั่นที่จะซื้อขาด ล่าสุดกลับมาฝึกซ้อมเรียบร้อยแล้ว 

    สำหรับ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน, เมาโร อีการ์ดี้ ดาวยิงอาร์เจนไตน์ หายเจ็บ กลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว  


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :

     แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังบุกไปพลิกแซงนิวคาสเซิ่ล 4-1 ในเกมลีกนัดล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม

     ความพร้อมของปีศาจแดงคาดว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ ยังไม่เสี่ยงใช้งาน เอดินสัน คาวานี่ หลังดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ไม่ได้ลงสนามในเกมที่เป็นทางการเลยนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาและเพิ่งผ่านพ้นจากการกักตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มาฝึกซ้อมกับทีมได้เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ตำแหน่งกองหน้าตัวความหวังเป็นโอกาสของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ไม่มีส่วนร่วมกับทีมในเกมกับ สาลิกาดง เนื่องจากติดโทษแบน 

     ส่วนในตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวาเป็นหน้าที่ของ ฆวน มาต้า ที่จะได้ลงสนามแทนที่ของ เมสัน กรีนวู้ด ที่มีปัญหาความฟิตจนไม่ได้ลงสนามในเกมที่แล้ว โดยจะประสานงานกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ยืนอยู่หลังกองหน้า และ มาร์คัส แรซฟอร์ด ฝั่งซ้าย 

     ทั้งนี้ อดีตนายใหญ่ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ คงจะใช้งาน ดาบิด เด เคอา ลงเฝ้าเสาต่อไป  โดยมี ดีน เฮนเดอร์สัน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ขณะที่ อเล็กซ์ เตลลิส แบ็กซ้ายตัวใหม่ ก็จะได้รับโอกาสประเดิมสนามในเกมนี้แทนที่ของ ลุค ชอว์ ที่เพิ่งทำเข้าประตูตัวเอง เช่นเดียวกันกับ พอล ป็อกบา ที่ถูกดร็อปในเกมเมื่อวันเสาร์ก็จะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงอีกครั้ง

    และข่าวล่าสุด  แฮร์รี แม็กไกวร์ ไม่ได้เดินทางไปกับทีมคาดว่ามีปัญหาบาดเจ็บจากเกมชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ขณะที่ เอริค ไบยี่ ก็เช่นกันทำให้ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ คือตัวเลือกที่น่าจะถูกใช้งานนัดนี้


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

     ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-3-3) : เกย์ลอร์ นาวาส – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, มาร์กินญอส, เพรสแนล คิมเพมเบ้, มิทเชล บัคเคอร์ – อันเดร์ เอร์เรร่า, อิดริสซ่า กาน่า เกย, ราฟินญ่า – อังเคล ดิ มาเรีย, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เนย์มาร์
     ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

     แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา (ดีน เฮนเดอร์สัน) – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ,  อั๊กเซล ตวนเซเบ้​, อเล็กซ์ เตลลิส – เนมานย่า มาติช, พอล ป็อกบา – ฆวน มาต้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
     ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

 

มิลานจุก!ชาลาโนกลูเดี้ยงพักกว่าสัปดาห์

"ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน เจอข่าวไม่สู้ดีนัก เพราะล่าสุด ฮาคาน ชาลาโนกลู จอมทัพคนสำคัญ ได้รับบาดเจ็บระหว่างซ้อม และต้องพักราวสัปดาห์ครึ่ง

ฮาคาน ชาลาโนกลู กองกลางตัวรุกคนเก่งของ เอซี มิลาน สโมสรดังแห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี จะพลาดช่วยทีมอย่างน้อยเป็นเวลา 10 วัน เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า ตามรายงานจาก สกาย สปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำแดนมะกะโรนี เมื่อวันอังคารที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ชาลาโนกลู ได้รับบาดเจ็บระหว่างซ้อมเมื่อวันอังคาร และต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงในการเดิน และล่าสุด สกาย สปอร์ต อิตาเลีย ระบุว่า ผลการตรวจเช็คอาการบาดเจ็บของ ดาวเตะทีมชาติตุรกีวัย 26 ปี ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งพบว่า เจ้าตัวข้อเท้าแพลง และจะต้องพักแข้ง 10 วันเป็นอย่างต่ำ

นั่นหมายความว่า ชาลาโนกลู จะไม่ได้ช่วย มิลาน ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 นัดที่เจอกับ เซลติก (วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม) และ สปาร์ต้า ปราก (วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม) รวมถึงเกมลีกที่จะดวลกับ อาแอส โรม่า วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม

 

สิงห์ระวังคาวานี่! 5 ประเด็นเด็ดก่อนบิ๊กแมตช์แมนยูปะทะเชลซี

ศึกพรีเมียร์ลีกคืนนี้มีระอุเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งกลับมาฟอร์มเข้าฝักในสองเกมหลังสุด เตรียมเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เชลซี ที่ผลงานยังขึ้นๆลงๆ ต้องรอติดตามกันว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะมีไม้เด็ดพิชิตคู่แข่งยังไงในคืนนี้ แต่ก่อนเกมมาเกาะติดประเด็นที่น่ารู้กัน
1.คาวานี่เดบิวต์

 

    การจบฤดูกาลที่แล้วด้วยการยิงถึง 23 ประตูในทุกรายการเกือบทำให้แฟนผีเชื่อว่า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล คือกองหน้าที่ทีมต้องการ อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญของสตาร์แมนฯ ยูไนเต็ดรายนี้คือความสม่ำเสมอ

    “เขาเริ่มต้นฤดูกาลไม่ดีอีกแล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงพูดตลอดว่าพวกเราต้องการกองหน้าหมายเลข 9 ระดับท็อปคลาส” พอล สโคลส์ ตำนานแข้งผีแดงกล่าว ฤดูกาลนี้ มาร์กซิยาล ยังคงยิงประตูไม่ได้แถมผลงานในสนามยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก ตัวอย่างมีให้เห็นได้ชัดในเกมล่าสุดกับ เปแอสเช

    โซลชา รู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องมีกองหน้าเบอร์ 9 จอมถล่มตาข่ายหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการให้ซีซั่นนี้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น และการที่ มาร์กซิยาล โดนโทษแบนอยู่น่าจะเป็นโอกาสดีที่ เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าวัยเก๋าที่เซ็นสัญญามาในตลาดนักเตะวันสุดท้ายจะได้พิสูจน์ตัวเองเสียที

    หัวหอกชาวอุรุกวัยมีสถิติยิงประตูใส่ เชลซี ทั้งหมด 3 ลูกจาก 8 เกม หากไม่ใช่เรื่องปัญหาความฟิต คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้วที่ โซลชา จะไม่ส่งเขาลงตัวจริงในเกมนี้

2.ตวนเซเบ้ลงต่อ?

    หลังจาก อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ถูกปล่อยไปเก็บประสบการณ์กับ แอสตัน วิลล่า ในฤดูกาล 2018/19 เจ้าตัวก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะกลับมาแย่งตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กตัวจริงของ “ผีแดง” ให้ได้ แต่ทว่าฤดูกาล 2019/20 กลับกลายเป็นฝันร้ายของเขาอย่างแท้จริง

    แม้จะมีผลงานที่น่าประทับใจอยู่หลายเกมแต่เขาโชคร้ายที่ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บแฮมสตริงอยู่ตลอด โดยนับตั้งแต่เกม คาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศกับ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีก่อน เขาก็ไม่ได้กลับมาลงสนามให้ทีมชุดใหญ่อีกเลยจนกระทั่งฤดูกาลนี้โชคชะตาเริ่มเข้าข้างเมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ เอริก ไบยี่ ต่างไม่พร้อมในเกมดวล เปแอสเช นั่นทำให้เขาได้กลับมาลงสนามในรอบ 10 เดือน

    ผลงานสุดโดดเด่นในการจัดการ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แบบอยู่หมัดจนได้รับคำชมล้นหลามทำให้แฟนผีหลายคนเชียร์ให้ ตวนเซเบ้ ลงแทนที่ของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่านักเตะเพิ่งหายจากการบาดเจ็บยาว การโหมใช้งานอาจจะมีผลลพัธ์ออกมาไม่ดี ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วกับ เอริก ไบยี่ ที่บาดเจ็บไปแล้วอีก 3-4 สัปดาห์ ต้องรอดูกันว่า โซลชา จะให้เขาลงเล่นต่อเนื่องหรือไม่?

3.ถึงเวลาซีเย็คตัวจริง?

    ฮาคิม ซีเย็ค เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทัพ เชลซี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปีกชาวโมร็อกโกเดินทางมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ช้ากว่ากำหนดเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า แถมเจ้าตัวดันโชคร้ายต่อเนื่องเมื่อได้รับบาดเจ็บในเกมอุ่นเครื่องกับ ไบรท์ตัน เมื่อปลายเดือนสิงหาคม

    หลังจากวันนั้นเขาลงสนามเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น โดยลงมาในฐานะตัวสำรองสองนัดหลังสุด (เซาธ์แฮมป์ตัน, เซบีย่า) รวมเป็นเวลาทั้งหมด 46 นาที แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดูจะยังไม่เร่งใช้งานมากนักแต่ในคืนนี้มีโอกาสอยู่เหมือนกันที่เขาจะออกสตาร์ทตัวจริงเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก

    น่าสนใจว่ากุนซือ “สิงห์บลูส์” จะจัดใครลงสนามเพราะว่าตัวเลือกในแนวรุกมีมากทีเดียว ที่แน่นอนคือ ติโม แวร์เนอร์ คงจะยึดหน้าเป้าเช่นเดิมพร้อมมีกองกลางตัวสนับสนุนอย่าง ไค ฮาแวร์ทซ์ ขณะที่ตัวรุกฝั่งขวา คริสเตียน พูลิซิช คงไม่พลาดออกสตาร์ทตัวจริง

    ดังนั้นตำแหน่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับ ซีเย็ค คือตัวรุกฝั่งซ้าย นั่นหมายความว่า เมสัน เมาน์ท ที่ลงสนามมาตลอดอาจถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง แต่คงต้องดูการตัดสินของ แลมพาร์ด ในคืนนี้อีกครั้ง

4.คู่เซนเตอร์ที่กำลังตามหา

    คู่เซนเตอร์แบ็กกลายเป็นปัญหาหลักที่ แลมพาร์ด พยายามแก้ไขมาตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อซัมเมอร์ปี 2019 คูร์ท ซูม่า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น และ ฟิกาโย โทโมริ เข้าๆออกๆทีมอยู่ตลอดขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน, ความผิดพลาด, ความฟิต และฟอร์มการเล่น

    แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า แลมพาร์ด จะหาเซนเตอร์แบ็กที่ลงตัวมากที่สุดได้แล้ว หลัง ซูม่า และนักเตะที่เซ็นสัญญาฟรีมาในช่วงซัมเมอร์อย่าง ติอาโก้ ซิลวา ทำผลงานได้ดี โดยทั้งสองเก็บคลีนชีทได้ในเกมพบ เซบีย่า 0-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ที่ลงพร้อมกันยังไม่เสียประตูในเกมถล่ม คริสตัล พาเลซ 4-0 ​ด้วย

    ในเกมลีกล่าสุดกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ซูม่า ได้ลงจับคู่กับ คริสเตนเซ่น แต่พวกเขาเสียถึง 3 ประตู นั่นเป็นเหตุผลมากขึ้นว่าทำไม ซิลวา ควรออกสตาร์ทตัวจริงพร้อมกับ ซูม่า ในคืนนี้

5.ผีข่มที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

    ในยุคพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 หากนับรวมทุกรายการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี เป็นทีมที่เจอกันมากที่สุดแล้ว โดยคืนนี้จะเป็นการเจอกันครั้งที่ 82

    ช่วงหลังมานี้ เชลซี มีสถิติในการเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ดีเท่าไหร่หลังไม่ชนะเลยใน 7 เกมลีกหลังสุด (เสมอ 4 แพ้ 3) ซึ่งนี่ถือเป็นการไร้ชัยที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไม่ชนะ 16 เกมติดต่อกันช่วงระหว่างปี 1920-1957

    อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้ “ผีแดง” ลงเล่นในบ้านมา 2 นัดจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น มีแค่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านสามเกมแรกในลีกนั่นคือฤดูกาล 1930-31 นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายที่ “ผีแดง” แพ้คา โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3 นัดต่อกันในลีกต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1979